ข่าวพาดหัวจับกุมยาเสพติด

กรมศุลกากรบูรณาการ AITF จับหญิงโปแลนด์พร้อมพวก เตรียมซุกเฮโรอีนบินออกนอกประเทศ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ด้านศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ ยึดไอซ์ซุกซองลูกอม เตรียมส่งพัสดุออกแดนกิมจิ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

กรมศุลกากรบูรณาการ AITF จับหญิงโปแลนด์พร้อมพวก
เตรียมซุกเฮโรอีนบินออกนอกประเทศ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
ด้านศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ ยึดไอซ์ซุกซองลูกอม เตรียมส่งพัสดุออกแดนกิมจิ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

วันนี้ (5 เมษายน 2567) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทั้งการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย
โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปจากประเทศ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดทุกช่องทาง

โดยเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force: AITF) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย
ได้เข้าตรวจค้นห้องพักหญิงชาวโปแลนด์เพื่อค้นหายาเสพติด เนื่องจากกรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปราม มีการสืบสวนและประสานงานด้านการข่าว
ยาเสพติดกับหน่วยงานต่างประเทศ เกี่ยวกับเครือข่ายลักลอบส่งออกยาเสพติดให้โทษผ่านทางท่าอากาศยาน
พบผู้ต้องสงสัยเป็นหญิงสัญชาติโปแลนด์ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต้นทางจากประเทศฮังการี ของสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 จึงร่วมกับ ชุดปฏิบัติการ AITF ติดตาม เฝ้าระวังพฤติกรรมผู้โดยสารรายดังกล่าว โดยมีข้อมูลว่าหญิงเป้าหมายเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์และจะออกจากโรงแรมในวันที่ 3 เมษายน 2567 เพื่อเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในคืนวันดังกล่าว และจากการติดตามเฝ้าระวัง พบว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 มีหญิงไทย ได้นำกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากสีดำมาส่งมอบให้หญิงเป้าหมายชาวโปแลนด์ จึงแบ่งกำลังเฝ้าติดตามหญิงไทยคนดังกล่าวด้วย จนกระทั่งเช้าวันที่ 3 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสัมภาระที่ห้องพักของหญิงชาวโปแลนด์ พบเฮโรอีนซุกซ่อนในพื้นช่องลับและกระเป๋าสตรีที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางล้อลากที่มีหญิงไทยนำมาส่งมอบให้ จำนวน 3,560 กรัม มูลค่า 10,680,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่
ที่เฝ้าติดตามหญิงไทยจึงเชิญมาสอบสวนเพิ่มเติมได้ความว่า ตนนำกระเป๋าดังกล่าวเข้ามาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีชายผิวดำ ไม่ทราบชื่อเป็นผู้สั่งการให้ตนนำกระเป๋ามาให้หญิงชาวโปแลนด์ ในห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานและนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและขยายผลต่อไป กรณีดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 242 มาตรา 246 และมาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด

และในวันเดียวกันทางศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ กรมศุลกากร โดยเจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปราม และสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำการตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูงในการลักลอบนำยาเสพติดส่งออกไปเกาหลีใต้ สำแดงชนิดสินค้า เป็น “Coffee” จำนวน 1 หีบห่อ น้ำหนักรวม 5.790 กิโลกรัม จึงทำการเปิดตรวจกล่องพัสดุ ผลปรากฏว่า พบยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไอซ์ (Methamphetamine) ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส ซุกซ่อนอยู่ภายในซองลูกอม น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 4,620 กรัม มูลค่า 2,772,000 บาท กรณีดังกล่าวเป็นการพยายามลักลอบส่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (Methamphetamine) ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 242 และ มาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด พนักงานศุลกากรจึงได้ยึดยาเสพติดดังกล่าวไว้เป็นของกลาง เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป