ข่าวพาดหัวช่วยเหลือ

คืบหน้า ร้อยเวรเท้าไวถีบกลางอกผู้ต้องหาคาโรงพักช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทัน

เปิดใจ รองสารวัตรถีบยอดอกช่วยชีวิตผู้ต้องหาทำร้ายตัวเอง ทำตามหน้าที่และต้องช่วยเหลือผู้ต้องหาไว้ก่อน ด้าน ผกก. กล่าวขอบคุณร้อยเวรที่มีความรวดเร็ว และ เสียสละในการทำงาน
จากกรณี ร้อยเวร สภ.สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ใช้เท้าถีบช่วยชีวิตผู้ต้องหากลางห้องสอบสวน ขณะที่ทำการสอบสวน หลังที่ผู้ต้องหาคว้าขวดเครื่องดื่มชูกำลังไปทุบจนแตก ก่อนนำมาปาดคอตัวเองตนเองจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( วันที่ 7 เมษายน 2567 )


ล่าสุด เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 8 เมษายน 2567 ทางทีมข่าวได้เดินทางไป สภ.สำโรงเหนือ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว โดยที่ผู้ก่อเหตุนั้นยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังของ สภ.สำโรงเหนือ เตรียมที่จะส่งศาลจังหวัดสมุทรปราการในช่วงสายวันพรุ่งนี้ ( วันที่ 9 เมษายน 2567 ) ซึ่งจากการตรวจสอบ พบ ว่าทาง แม่และพีสาวของผู้ต้องหาคนดังกล่าว ได้ซื้อข้าวของมาเยี่ยมผู้ต้องหาในช่วงการเข้าเยี่ยมในช่วงเช้า
โดยทาง พี่สาวของผู้ต้องหา เผยว่า น้องชายของตนติดสารเสพติด เสพยา ตนคิดว่าถ้าน้องชายเลิกยาได้ก็คงไม่คิดจะก่อคดีแบบนี้ ส่วนเรื่องที่น้องใช้ขวดปาดคอตัวเองตนก็ไม่ทราบเรื่อง เพราะว่าเมื่อวานตนกับแม่มาไม่ทันเหตุการณ์นั้น และยังเคยมีเหตุการณ์เมื่อหลายปีที่แล้วที่น้องชายกินยาล้างห้องน้ำ ตนก็สงสารน้อง ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะน้องก็ติดยาไม่เลิกเสียที เรื่องที่น้องไปขโมยของตนเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร เพราะนาน ๆ ทีตัวน้องชายจะกลับไปหาตนกับแม่ เพราะเจ้าตัวไปอยู่ที่อื่น เรื่องที่น้องก่อเหตุตนก็ไม่รู้ เพิ่งจะรู้เมื่อวานเพราะตำรวจโทรไปบอก ก็เลยมาที่โรงพัก แต่พอมาก็ยังไม่เจอตัว มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนตัวอยากให้น้องเลิกเสพยา แต่เขาก็ไม่ยอมเลิก ตนสอนน้องชายมาตลอดว่าให้เลิกยา ชีวิตจะได้ดีขึ้น แต่เขาก็ไม่ยอมเลิก ตัวน้องชายก็ไม่ได้ทำงานอะไร เพราะประวัติไม่ดี ก็ไม่มีใครอยากจะรับไปทำงาน เมื่อวานมาที่โรงพักแต่ไม่เจอ เจ้าหน้าที่จึงบอกกับตนว่าพรุ่งนี้ค่อยมา มาเยี่ยมน้องมาเป็นกำลังใจให้เขา ส่วนตัวแม่พอรู้เรื่องก็เข่าแทบทรุด เห็นรอยเลือดตรงที่เกิดเหตุก็แทบจะเป็นลม ตนยังคุยกับแม่อยู่เลยว่าถ้าน้องชายเลิกยาได้ เขาก็คงจะกลับมาอยู่กับเราได้


ด้าน ร.ต.อ.ธนาวุฒิ ดวงจินดา รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ ที่ถีบผู้ต้องหาเพื่อช่วยชีวิต เผยว่า ตอนนั้นตนก็กำลังสอบปากคำปกติ พอเกิดเหตุการณ์แบบนั้นตนก็ต้องทำตามหน้าที่ ต้องช่วยเหลือผู้ต้องหาเอาไว้ แต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว ก็ต้องขอโทษด้วยที่ต้องใช้เท้า ส่วนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุตนก็กำลังทำหน้าที่สอบปากคำ ถามข้อมูลชื่อและเรื่องของกลาง ตอนนั้นตัวผู้ต้องหาก็ไม่ได้มีท่าทางเครียดแต่อย่างใด ตอนแรกที่เห็นทางผู้ต้องหาคว้าขวด คิดว่าเขาจะเอามาทำร้ายตัวเองด้วยซ้ำ เลยลุกขึ้น เพราะตอนนั้นเขาก็ถือขวดที่ทุบแตกแล้วหันมาทางตนด้วย แต่เขากลับเอาไปทำร้ายตัวเอง จึงตัดสินใจใช้เท้าถีบออกไป เพราะคิดว่ามีรองเท้าแก้วก็คงไม่สามารถที่จะบาดตนได้ และด้านหลังก็มีเก้าอี้รองรับอยู่ตัวผู้ต้องหาเองล้มลงไปก็คงไม่เป็นอันตรายอะไร กล่าวต่อ ว่าตนเองเป็นตำรวจต้องคิดและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะเราไม่รู้ว่าผู้ต้องหาคิดจะทำไรบ้าง


พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เผยว่า ผู้ต้องหาคนนี้ทางเจ้าหน้าที่เคยจับมาหลายคดีแล้ว ส่วนครั้งนี้ได้รับแจ้งว่าผู้ต้องเข้าไปขโมยพระเครื่อง ขณะกำลังขโมยแล้วเดินออกมาก็เจอกับเจ้าของบ้านที่กลับมาจากข้างนอกพอดี ก็เลยเรียกชาวบ้านมาช่วยกันจับ แล้วสายตัวก็ไปรับตัวมา เจอว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวมีอีกคดีที่ไปงัดห้องอยู่ที่ซอยแบริ่ง 56 อีกหนึ่งคดี ซึ่งร้อยเวรกำลังจะขอออกหมายจับ ก็เลยมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มไป วันนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาเข้าห้องขังแล้ว ร้อยเวรก็เบิกตัวออกมาอีก เพื่อที่จะให้เซ็นคำให้การเพิ่มเติม ขณะกำลังนั่ง ตรงโต๊ะร้อยเวรจะมีกระป๋องกาแฟกับขวดเครื่องดื่ม ซึ่งก็ยังไม่ถูกเปิด เพราะประชาชนมาใช้บริการค่อนข้างเยอะ ปรากฏว่าเขาใช้มือที่ถูกล็อกกุญแจจากด้านหน้าคว้าเอาขวดแล้วก็ก้มลงไปเอาขวดทุบกับพื้นให้ขวดแตก ก่อนก็นำมาทำร้ายตัวเอง ร้อยเวรเห็นดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นตามภาพข่าว แล้วก็ช่วยเอาไว้ได้ มีบาดแผลนิดหน่อย แต่ที่เห็นว่าที่คอมีจุก คือเขาไปเจาะหลอดลมรักษาตัวก่อนหน้านี้ เป็นโรคเดิมของเขาอยู่แล้ว ส่วนพฤติกรรมของผู้ต้องหาว่าทำไมถึงทำแบบนี้ จากการสอบถามตัวมารดาและญาติ ๆ ดูแล้ว ก็ได้ความว่า ผู้ต้องหาเป็นคนที่มีนิสัยชอบลักขโมย เพราะเคยมีคดีแบบนี้แล้วเข้าออกเรือนจำมาแล้วหลายครั้ง ครั้งก่อนที่เคยเอาตัวมา ผู้ต้องหาก็ขอตัวเข้าห้องน้ำแล้วก็มีพฤติกรรมแบบนี้ เหมือนกับว่าเรียกร้องความเห็นใจจากผู้เสียหาย โดยการดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ แต่ครั้งนี้ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เสียหายก็รู้ทันเขาแล้ว จึงไม่ยอม เคยเช็คไปที่โรงพักอื่นเขาก็มีพฤติกรรมแบบนี้จนผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ เพราะส่วนหนึ่งตอนที่จับได้ พวกของกลางผู้ต้องหายังไม่ได้เอาไปเหมือนกับคดีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งญาติไปแล้วว่ายังไงก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนอาการของคนเจ็บ ไม่ได้เป็นอะไรเลย เป็นแค่รอยถลอกเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณร้อยเวรที่มีความรวดเร็วในการป้องกันตัวของผู้ต้องหาไม่ให้เกิดอะไรขึ้นมากไปกว่านี้
*************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ