ข่าวพาดหัวตรวจสอบ

ล้งปั้นเพลิน เจ้าของแบรนด์ “ไท้ เหม่ย” และ “ไท้ เหมย เว้ย” วอนภาครัฐตรวจสอบ การลอกเลียนแบบแบรนด์ของตัวเอง

ล้งปั้นเพลิน เจ้าของแบรนด์ “ไท้ เหม่ย” และ “ไท้ เหมย เว้ย” วอนภาครัฐตรวจสอบ
การลอกเลียนแบบแบรนด์ของตัวเอง หลังพบมีว่าจ้างโรงคัดบรรจุแพ็คทุเรียนส่งออกไปจีน ซึ่งกล่อง และชื่อแบรนด์เหมือนกับล้งปั้นเพลิน หวั่นสร้างความเสียหายให้ล้ง และวงการทุเรียนไทย

วันนี้ (11เม.ย.67) นายอำนวย โพธิภักดิ์ เจ้าของล้งปั้นเพลิน ตำบลตะปอน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ได้นำผู้สื่อข่าวดูกระบวนการคัดบรรจุทุเรียนสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อส่งไปจำหน่ายยังประเทศจีน

ล้งปั้นเพลิน เป็นผู้ประกอบการคนไทย ที่สามารถสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองได้สำเร็จ ซึ่งในธรุกิจการส่งออกทุเรียนมีเพียง 5% เท่านั้น ที่ผู้ประกอบการเป็นคนไทย และมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ส่วนที่เหลือเป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ

ปัจจุบันล้งปั้นเพลิน มีแบรนด์สินค้าที่ส่งออกทุเรียน คือ “ไท้ เหม่ย” และ “ไท้ เหมย เว้ย” ซึ่งแบรนด์สินค้าทั้ง 2 ตัว กำลังได้ความนิยมจากลูกค้าในประเทศจีนในหลายมณฑล ทำให้ปัจจุบันเกิดการลอกเลียนแบบแบรนด์สินค้าดังกล่าว

นายอำนวย โพธิภักดิ์ เจ้าของล้งปั้นเพลิน กล่าวว่า ตนเองดำเนินธุรกิจการส่งออกทุเรียนมาหลายปี ส่งออกทุเรียนคุณภาพจนทำให้ผู้บริโภคในประเทศจีนชื่นชอบในคุณภาพทุเรียนของล้งปั้นเพลิน ภายใต้แบรนด์ “ไท้ เหม่ย” และ “ไท้ เหมย เว้ย” และจากการความนิยมดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันมีกลุ่มบุคคล ทำการลอกเลียนแบบแบรนด์สินค้าดังกล่าว ทั้งในส่วนของบรรจุภัณฑ์ หรือ กล่อง ที่มีการทำเหมือนกัน ทั้งข้อความและชื่อแบรนด์ รวมทั้งมีการจ้างโรงคัดบรรจุให้บรรจุทุเรียนเพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน โดยอ้างเป็นเจ้าของแบรนด์ตัวจริง

ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ และที่สำคัญยังทำให้เกิดความเสียหายต่อวงการทุเรียนไทย รวมทั้งโรงคัดบรรจุที่รับจ้างบรรจุทุเรียน ซึ่งอาจถูกหลอกจากผู้ว่าจ้าง ซึ่งเข้าข่ายทำผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงฝากเตือนผู้ประกอบการที่รับจ้างบรรจุสินค้าให้ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง เพื่อจะได้ไม่ถูกหลอก เพราะแบรนด์ “ไท้ เหม่ย” และ “ไท้ เหมย เว้ย” จะต้องออกจากล้งปั้นเพลินเท่านั้นถึงจะเป็นของแท้ ถ้าออกจากที่อื่นถือว่าเป็นของปลอม หรือ ของลอกเลียนแบบ ซึ่งคุณภาพของสินค้าจะไม่เหมือนกัน

นายอำนวย โพธิภักดิ์ เจ้าของล้งปั้นเพลิน กล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูกาลการส่งออกทุเรียนของจังหวัดจันทบุรี และภาคตะวันออก ทำให้มีกลุ่ม หรือผู้ฉวยโอกาส เพื่อเข้าหาผลประโยชน์จากการทำทุเรียนอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้เข้ามาหาประโยชน์จากการทำผิดกฎหมาย และเพื่อเป็นการปกป้องผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อวงการทุเรียนไทย