ข่าวพาดหัวลักทรัพย์

ตำรวจตาม9วัน จับกุมตีนแมวที่ก่อเหตุปีนรั้วเข้าไปลักทรัพย์ในโรงเรียนดังในเมืองหาดใหญ่

20-04-67 พี่เสือ นักข่าว สงขลา
ตำรวจตาม9วัน จับกุมตีนแมวที่ก่อเหตุปีนรั้วเข้าไปลักทรัพย์ในโรงเรียนดังในเมืองหาดใหญ่ได้โน๊ตบุ๊คไป1เครื่องซึ่งเป็นของเด็กหญิงวัย9 ขวบซึ่งเสียใจร้องให้เพราะมีคุณค่าทางจิตใจตำรวจตามไล่กล้องประติดประต่อเส้นทางหลบหนีพบเปลี่ยนเสื้อสับไปสับมา3รอบ ตามจับได้ถึงบ้านพร้อมโน๊ตบุ๊คที่เอามาคืนได้สำเร็จ


วันนี้(20เม.ย.67)เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.สงขลาร่วมกับชุดสืบสวนสภ.หาดใหญ่ นำโดย พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา พ.ต.ท.เอกภพ มุสิกปักษ์ รองผกก.สส.ภว.สงขลา ร.ต.อ.เสนห์ โพธิ์ศรี รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สงขลา
จับกุม นายอำพล พิทักษ์สันติ อายุ 43 ปี ตีนแมวที่ปีนรั้วเข้าไปลักทรัพย์ภายในห้องผู้จัดการและห้องธุรการของโรงเรียนสุวรรณวงศ์ โรงเรียนดังของเมืองหาดใหญ่ ตั้งอยู่ย่านถนนประชาธิปัตย์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เริ่มลงมือก่อเหตุตอนเวลา 23.00น.คืนวันที่11 เม.ย.ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้โน๊ตบุ๊คไป 1 ตัว แป้นพิมพ์ สายชาร์จ กระเป๋าเป้ใส่โน๊ตบุ๊ค และได้เวลารื้อค้นทรัพย์สินถึง 1 ชั่วโมง20 นาที
คดีนี้แม้ว่าคนร้ายจะได้ทรัพย์สินไปไม่มากเป็นโน๊ตบุ๊ค1ตัวแต่ว่าหลังจากที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ไปตรวจที่เกิดเหตุและสอบถามข้อมูลกับทางผู้เสียหายบอกว่า ได้ทำร้ายจิตใจของเจ้าของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ซึ่งเป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบเป็นอย่างมาก เพราะเป็นของรักของหวงและต้องใช้เรียนออนไลน์แต่กลับหายไปและทำใจไม่ได้ร้องให้


เจ้าหน้าที่จึงเร่งลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้ายทันทีโดยไล่กล้องวงจรปิดตั้งแต่ข้างโรงเรียนที่ปีนรั้วออกมาและไล่ไปเรื่อยๆประติดประต่อเชื่อมเส้นทางคนร้ายหลบหนี ต่อเนื่อง9วัน
โดยพบว่าช่วงที่ลงมือก่อเหตุคนร้ายได้เปลี่ยนเสื้อสับไปสับมาถึง3 ครั้ง ครั้่งแรกหลังจากปีนรั้่วเข้าไปในโรงเรียนเปลี่ยนจากเสื้อลายดอกสีม่วงเป็นเสื้อกีฬาสีเทา ครั้งที่สองหลังจากปีนรั้วออกมาเปลี่ยนจากเสื้่อกีฬาสีดำเป็นเสื้อลายดอกสีม่วง
และครั้งที่3ตอนที่นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างมาลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่เปลี่ยนจากเสื้อลายดอกสีม่วงเป็นเสื้อกีฬาสีดำ เพื่อพรางตัวสับไปสับมาไม่ให้ตามตัวได้
และหลังก่อเหตุได้ขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งที่หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่และเดินข้ามสะพานรถไฟไปยังฝั่งสภ.หาดใหญ่ และจุดสุดท้ายที่คนร้ายเดินหายไปคือภายในซอย 21/2 ถนนเพชรเกษมซึ่งเชื่อมต่อกับซอย18 ถนนราษฎร์อุทิศ


เจ้าหน้าที่จึงสแกนพื้นที่ทุกตารางนิ้วก็พบตัวคนร้ายซึ่งอยู่ภายในซอย15 ถนนราษฎร์อุทิศ จึงเข้าทำการจับกุมและก็ยอมรับสารภาพค้นในบ้านก็พบโน๊ตบุ๊คส์ที่ขโมยมายังวางอยู่ในห้องนอนจึงยึดไว้เป็นของกลาง
หลังจากคุมตัว นายอำพล หรือเต้มาสอบสวนก็สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปและสัญญากับตำรวจว่าหลังจากนี้จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีไม่ลักเล็กขโมยน้อยอีกโดยหันมายึดอาชีพช่างเชื่อมที่เคยทำมาก่อน
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดี
ด้าน น.ส.อมรรักษ์ ชวาลวงค์ ผู้เสียหายได้มาดูของกลางพร้อมกับขอบคุณตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายและนำโน๊ตบุ๊คคืนมาและเล่าว่าโน๊คบุ๊คเครื่องนี้เป็นของลูกสาวตอนที่หายไปลูกสาวเสียใจและร้องให้แม้มูลค่าจะไม่มากแต่มีคุณทางจิตใจเพราะว่าต้องใช้เรียนออนไลน์และใช้งานเป็นประจำต้องปลอบใจอยู่หลายวัน ที่สำคัญตอนลูกสาวมาเห็นห้องทำงานที่ถูกรื้อค้นจนกระจุยกระจายก็ตกใจและร้องให้เพราะไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนที่ถูกคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สินแบบนี้