ข่าวพาดหัวจับกุมลักทรัพย์

รวบสองผู้ต้องหาอดีตพนักงานสุดแสบ ขับรถเข้าขโมยสายไฟในโรงงาน นำเงินส่งกลับบ้านและจ่ายค่ารถ

รวบสองผู้ต้องหาอดีตพนักงานสุดแสบ ขับรถเข้าขโมยสายไฟในโรงงาน นำเงินส่งกลับบ้านและจ่ายค่ารถ
ภาพวงจรปิดที่หน้าโกดังโรงงานผลิตและติดตั้งโซล่าเซลแห่งหนึ่งในตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพได้ช่วงวันที่ 25 เมษายน เวลาประมาณ 16.25 น. พบว่ามีรถกระบะเซฟโรเลต สีแดง คันหนึ่งขับมาที่หน้าโกดังแห่งนี้ ก่อนจะถอยหลังเข้าไปด้านใน ใช้เวลาราว20 กว่านาที รถคันดังกล่าวจึงขับออกมาจากในโกดัง ซึ่งจากภาพวงจรปิดจะเห็นว่าตอนที่ขับเจ้าไปตอนแรกที่ท้ายกระบะไม่มีสายไฟแต่พอตอนออกมาพบว่ามีกองสายไฟจำนวนมากที่ท้ายกระบะ จากภาพวงจรปิดชุดนี้จึงกลายเป็นหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบ สภ.เมืองสมุทรปราการ ให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายเนื่องจากความเสียหายของสายไฟที่ถูกคนร้ายก่อเหตุไปนั้น รวมเกือบสองล้านบาท


ต่อมา พนักงานสอบสวนได้เร่งสืบสวนจนทราบตัวผู้ต้องหารายนี้และขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการโดยศาลจังหวัดสมุทรปราการอนุมัติหมายจับผู้ต้องหารวม3ราย ลงวันที่ 13 พ.ค. 2567 และตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้สืบสวนแกะรอยจนทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ตะเวนอยู่ย่านคูคต ในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ฝ่ายสืบสวนจึงลงพื้นที่ไล่ล่าตัว จนกระทั่งช่วงเย็นวานนี้ พบว่ารถกระบะสีแดง หมายเลขทะเบียน 7 กต 232 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อในตำบลคูคต ฝ่ายสืบสวนรอกระทั่งคนขับรถ ซึ่งมีตำหนิและรูปพรรณตรงตามที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการอนุมัติหมายจับ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม นายสมพงษ์(หรือบอย) กัลยา อายุ 34 ปี ชาว อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 412/2567 ลง วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 และหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 413/2567 ลง วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 และ นายวินัย(หรือนัย) ศิริมลนุกุล อายุ 30 ปี ชาว อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ในข้อหา “ลักทรัพย์ โดยกระทำความผิดร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม” ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับและเป็นผู้ต้องหาที่ลงเหตุลักสายไฟไปจริง
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้มาสอบปากคำก่อนส่งตัวฝากขังศาลและดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดย นายสมพงษ์ ให้การว่า แต่ละครั้งที่ก่อเหตุจะไปด้วยกัน 3 คน โดยจะนำรถกระบะของตนเองไป เมื่อตัดสายไฟแล้วนำใส่กระบะ เอาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าร้านเดิม ที่ขายประจำ ซึ่งทางร้านก็ไม่ได้ถามว่าทำไมเอาทองแดงมาขายบ่อย โดยตอนที่ไปขายทางร้านจะให้ราคากิโลกรัมละ 270 บาท ได้เงินครั้งละประมาณ 60,000 บาท เคยมีถึง 100,000 บาท ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ข้องเกี่ยบกับยาเสพติด หรือมีประวัติลักทรัพย์ ที่ทำไปเพราะขัดสนเรื่องเงิน และเงินที่ได้มาก็นำไปใช้จ่ายค่างวดรถ ค่าผ่อนบ้าน
ส่วน นายวินัย เล่าทั้งน้ำตายอมรับผิด โดยบอกว่า ตนเองทำมา 3 ครั้ง โดยจะได้ส่วนแบ่งครั้งละ 15,000 บาท 2 ครั้ง และอีก 1 ครั้ง ได้ 16,000 บาท โดยตนมีหน้าที่ยกไฟ และสลับกันตัดสายไฟ โดยตัดกุญแจเข้าไปและพอเจอสายไฟหรืออะไรก็เอาหมด ขึ้นรถและนำไปขายโดยที่ไม่ได้แกะ ไปขายที่ร้านขายของเก่า ได้เงินเลย เงินที่ได้ก็เอาไปใช้จ่ายในครอบครัว
พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการขยายผล มีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 3 คน ตอนนี้เราจับกุมได้ 2 คน ยังเหลืออีก 1 คน โดยกลุ่มผู้ต้องหาเคยเป็นซัพบริษัทเกี่ยวกับผลิตติดตั้งโซล่าเซลล์ ก่อนจะมาเป็นผู้รับเหมา ซึ่งก็จะทำให้รู้ว่าสถานที่เก็บสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตัวโกดังภายในบริษัทตั้งอยู่ที่ไหน มูลค่าความเสียหายจากการขยายผล 5 ครั้ง ทั้งหมดประมาณ 2 ล้านบาท เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสาระภาพว่าก่อเหตุมาแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง โดยจะเข้าไปหินเจียรตัดอุปกรณ์แล้วเข้าไปใช้คีมตัดสายไฟใหม่ที่เก็บอยู่ในโกดัง ซึ่งที่โกดังดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ รปภ. ด้านชาวบ้านก็เข้าใจว่าเป็นช่างเข้ามา ส่วนผู้ต้องหาอีกรายขณะนี้ได้ออกหมายจับแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี
***********************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ