ข่าวพาดหัว

สาวโพสต์เตือนภัยคนนั่งรถสองแถวหลังเจอโจรล้วงกระเป๋า

*** ปล : ภาพรถสองแถวเป็นภาพอินเสิทไม่ใช่รถคันเกิดเหตุ ***

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชื่อ Cherry Thidarat ได้โพสต์เตือนภัย ใน เฟสบุ๊ค พร้องลงรูปภาพของชาย 2 คน ที่ผู้โพสต์อ้างว่าเป็นมิจฉาชีพที่ก่อเหตุล้วงกระเป๋า โดยที่ผู้โพสต์ได้ลงข้อความว่า เตือนภัยนะคะ ชาย2คน ชอบขึ้นรถสองแถวเส้นสำโรง ปากน้ำ เส้นสำโรง เทพารักษ์ ซอยมังกร เป็นมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าคะ ทำทีมานั่งข้างๆๆใช้กระเป๋าใบใหญ่ปิดตรงขาและขโมยเงินไป พอได้เงินหรือกระเป๋าก็จะลงจากรถเพื่อต่อคันใหม่ ทำไปเรื่อยๆๆคะ เพื่อนโดนไปตั้งแต่เดือนต้นเมษา จนวันนี้ มาเจอซอยมังกรยืนนับเงินพร้อมกลับกระเป๋าตังใบยาวของผู้หญิงใบในรูปหยิบเงินออกหมดและเอากระเป๋าตังค์ไปทิ้งในพุ่มไม้แถว โรงพยาบาลเดอะ ซีพลัส ถ้าใครเป็นเจ้าของกระเป๋าให้มาหาตรงนี้นะคะ

[16 พ.ค.67] มิจฉาชีพรูปลักษณ์หน้าตาแบบนี้นะคะ จุดสังเกตุจะสะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆยาว
ปล.ไปแจ้งความไว้ตำรวจก็ทำไรไม่ได้คะ ปล่อยให้มิจฉาชีพลอยนวล บอกเงินใครๆๆก็มี แต่วันนี้เจออีกสงสารคนที่เค้าโดนไอพวกนี้โขมย เราขับตามรถสองแถวที่มันขึ้นได้แต่ตะโกนให้คนในรถระวังมัน จนมันต้องรถจากรถ แต่มันก็จะขึ้นไปคันอื่นเรื่อยๆๆอีกใครต้องการเห็นหน้าทักอินบ็อคนะคะ
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็น วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 หลังจากที่ทีมข่าวได้เห็นโพสต์ดังกล่าว จึงติดต่อไปยังเจ้าของโพสต์ดังกล่าว ซึ่ง ทีมข่าวได้เดินทางไป พบ นางสาวปริศรา สิงห์เสริมวงศ์ อายุ 35 ปี ( ผู้เสียหาย ) และ เพื่อนสาว เจ้าของโพสต์ ที่ย่านถนนแพรกษา ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมงานกัน โดยที่ นางสาวปริศรา ได้เล่าข้อมูลเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 เวลา 07.50 น ตนเองได้นั่งรถสองแถวมาทำงานย่านแพรกษา เมื่อมาถึงใต้สถานีรถไฟฟ้าปากน้ำ ตนเองต้องลงรถเพื่อต่อรถอีกสาย แต่จังหวะที่จะล้วงเงินจะจ่ายค่าโดยสารนั้น เงินที่อยู่ในกระเป๋าในกางเกงด้านขวา แต่เมื่อเปิดกระเป๋ามาเงิน จำนวน 2,900 บาท นั้นได้หายไป ตนเองจึงได้ชายที่นั่งข้างๆว่าล้วงกระเป๋าของตนเองหรือไม่ ชายคนดังกล่าวตอบปฏิเสธ และ ลุกจากที่นั่งเพื่อลงจากรถแต่ปรากฏว่า ชายคนดังกล่าวได้นั่งทับเงิน จำนวน 900 บาทอยู่ ก่อนที่ชายจะลงรถไปตนเองได้ถ่ายรูปชายคนดังกล่าวไว้ ก่อนที่จะเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก


นางสาวปริศรา สิงห์เสริมวงศ์ อายุ 35 ปี ( ผู้เสียหาย ) เล่าว่า วันนั้นตนนั่งรถสองแถวมาจากรามสอง จากเดอะเนชั่นมา แต่ตัวลุงน่าจะขึ้นอยู่แถวสำโรง พอขึ้นมาเจอลุงแถวสำโรงและนั่งมาเรื่อย ๆ จนมาถึงแถว ๆ สถานีรถไฟฟ้า ตนก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองเพื่อที่จะจ่ายเงินค่ารถ ตอนแรกเงินตนมีอยู่ 2,900 บาท แต่พอล้วงไปอีกทีเหลือแต่เหรียญ ตนก็เลยหันไปหาลุงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตนมาตลอด ถามว่าเอาเงินตนไปหรือเปล่า พอลุงได้ยินลุงก็ขยับตัว ตนก็เห็นเงินแบงก์ร้อยจำนวน 900 บาท วางทับกันอยู่ตรงบริเวณใกล้ ๆ ก้นของลุง เหมือนลุงนั่งทับมันเอาไว้อยู่ ส่วนเงินอีก 2,000 บาท ตนคาดว่าลุงได้เก็บเอาไปแล้ว พอพูดไปแบบนั้น ลุงก็พูดกลับมาว่า อย่ามาพูดมั่วนะ เดี๋ยวกูเตะปากแตกเลย แล้วพอถึงอีกสถานีเขาก็พากันลง เขามากัน 2 คน หลังจากนั้นตนได้ไปแจ้งความแล้ว แต่ตำรวจก็พูดว่าเงินใคร ๆ ก็มี อย่าไปปรักปรำเขา ตนจึงบอกไปว่ามาแจ้งความให้เป็นแนวทางเอาไว้ก่อน ก่อนจะกลับมาปริ้นส์รูปลุงทั้งสองคนที่ได้ถ่ายเอาไว้แล้วกลับไปแจ้งความอีกที หลังจากวันนั้น เพื่อนของตนก็ได้มาเจอลุงทั้งสองคนอีกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พอเพื่อนเห็นหน้าคุ้น ๆ เหมือนคนที่ขโมยเงินตน ก็เลยถ่ายรูปและคลิปเอาไว้
ส่วนตัวตนเป็นคนชอบพกเงินสด วันนั้นตนมารู้อีกทีก็ตอนที่จะล้วงเอาเงินมาจ่ายค่ารถ พอล้วงไปก็ปรากฏว่าเงินหายไปแล้ว ตอนที่เขาล้วงเราไม่รู้ตัวเลย เพราะกระเป๋าของลุงใหญ่มากเขาเอามาวางตรงตักปิดขาเอาไว้จนมิด และ ก่อนหน้านั้นเขาก็หาจังหวะมานั่งชิด ๆ กับตน ก่อนที่เขาจะล้วงกระเป๋าตน ตนก็ไม่รู้สึกอะไรเลย จนเงินตนหาย พอล้วงกระเป๋าจะจ่ายเงินก็เจอแต่เหรียญ แบงค์หายไปหมดแล้ว วันนั้นตนจำได้ว่าพอเกิดเรื่องลุงทั้งสองคนก็ลงก่อนถึงสถานีตำรวจปากน้ำ 1 ป้าย ตนจึงพูดออกไปว่าเดี๋ยวจะถ่ายรูปแล้วจะเอาไปแจ้งความ จนเราไปแจ้งความไว้แล้วเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้จับตัว พอเมื่อเช้าเพื่อนก็ได้ไปเจอลุงแล้วบอกกับเราว่าหน้าคุ้น ๆ เหมือนคนที่ขโมยเงินตนเลย
เราก็อยากจะฝากเตือนกับคนอื่นว่านี่มันก็หลายเดือนแล้วยังไม่โดนจับ และ เขาก็ยังทำอยู่ อยากจะฝากเตือนกับคนที่ใช้บริการรถสองแถวบริเวณนั้นว่าระวัง เพราะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมันเยอะ เขาจะมากันสองคน อีกคนก็นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน เหมือนกับว่าพอเอาเงินไปแล้ว ก็จะส่งต่อให้กับอีกคนที่นั่งข้าง ๆ กัน ตอนนั้นจะเป็นช่วงเช้าที่ตนโดนล้วงกระเป๋า มาวันนี้ที่เพื่อนเจอก็ไปเจอลุงช่วงเช้าอีกเหมือนกัน


ส่วน เพื่อนสาว  เล่าว่า เพื่อนของตนโดนล้วงกระเป๋าก่อนในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แล้วเพื่อนก็ไปแจ้งความแต่ก็ไม่คืบหน้าอะไร จนมาวันนี้ตนขับรถไปกินข้าวในซอยมังกร ตนหันไปมองก็เห็นมีผู้ชาย 2 คน ยืนอยู่ข้างถนน แล้วก็เหมือนกับกำลังนับเงินแบงก์ร้อยอยู่มันก็เลยเตะตา ตนจึงหันไปมอง พอมองไปมองมาก็รู้สึกคุ้น ว่าลุงสองคนนี้เหมือนกับคนที่ขโมยเงินเพื่อนเลย ตนก็เลยจอดรถ ถอยหลังรถกลับมาดูเขา เขาก็กำลังนับเงินยืนคุยกัน แล้วสักพักลุงคนหนึ่งก็หยิบกระเป๋าตังค์ใบยาว ๆ ออกมาลักษณะเหมือนกระเป๋าเงินผู้หญิง แล้วก็เปิดก่อนจะเทเหรียญออกมา เสร็จแล้วก็เห็นเขาเดินถือกระเป๋าใบนั้นเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวนั้น เดินผ่านไม้กั้นเข้าไป สักพักเขาก็เดินออกมา แต่ตนก็ไม่เห็นกระเป๋าตังค์ใบนั้นแล้ว เหมือนกับว่าเขาเอากระเป๋าไปทิ้งในพุ่มไม้แถวนั้นแล้ว
หลังจากนั้นพอเขาออกมา เขาก็พากันโบกรถสองแถวแล้วขึ้นไป ตนจึงขับรถตามรถสองแถวคันนั้นไป เพราะกลัวว่าเขาจะไปทำกับคนอื่น ก่อนจะกดกระจกรถตะโกนบอกคนบนรถสองแถว ว่าคนเนี่ยมันเป็นโจร เป็นคนล้วงกระเป๋านะ จนคนบนรถน่าจะงงว่าตัวเองพูดอะไร แต่ตนก็ยังขับรถตามรถสองแถวคันนั้นไปอีก และตะโกนบอกคนบนรถแบบเดิม จนมีคนบนรถเหมือนจะได้ยินสิ่งที่ตนพูด ก็เลยพยักหน้าเข้าใจ ตัวลุงก็หันมามองรถตน แต่ตนก็ยังขับรถตามไปเรื่อย ๆ จนลุงทนแรงกดดันไม่ไหว มีคนหนึ่งก็เลยกดกริ่งลงก่อน ก็เหลืออีกคนที่เห็นหน้าในรูปชัด ๆ ยังนั่งอยู่ ตนเลยคิดว่าจะขับรถไปดักข้างหน้า พอลุงอีกคนที่ยังนั่งอยู่บนรถ เห็นรถตนแซงรถสองแถวขึ้นไป ก็เลยกดกริ่งลง


หลังจากนั้นตนก็เลยขับรถกลับมาหากระเป๋าที่คิดว่าพวกเขาทิ้งเอาไว้ ตนก็ไปแหวกดูตามพุ่มไม้แถวนั้น แต่ก็ไม่เจอ เพราะตนอยากรู้ว่าเขาเอาของคนอื่นมาแล้วเอามาทิ้งจริง ๆ ใช่ไหม ตอนแรกที่ตนถ่ายรูปไว้ ก็ถ่ายเอาไว้ไม่ค่อยชัด เพราะไม่คิดว่าเป็นกระเป๋าของคนอื่น แต่พอมาคิดว่าเขาเอาไปทิ้ง ก็แสดงว่าต้องเป็นกระเป๋าของคนอื่น แล้วตนก็จำหน้าพวกเขาได้เพราะที่เพื่อนถ่ายรูปเอาไว้ ตนก็จำได้ คือมันใช่คนเดียวกัน ลักษณะเดียวกัน กระเป๋าของเขาก็แบบเดียวกัน ก็เลยรู้ว่าใช่แน่ ๆ ตอนที่ตนตามไป ก็ไปประมาณกลางซอยมังกร จนพวกเขากดกริ่งลง จนตนเลี้ยวรถกลับมาดูอีกครั้ง เพราะถ้าตนว่างตนจะขับตามพวกเขาไปทุกวันเลย แต่ตนทำไม่ได้เพราะตนต้องมาทำงาน


อยากฝากเตือนคนที่ใช้บริการรถสองแถวว่าให้นั่งระวัง มองซ้ายมองขวา เพราะบนรถสองแถวเวลานั่งก็ต้องนั่งเบียดกัน บางทีก็มีคนคนยืนด้วย คนที่ไม่รู้เรื่องอาจจะโดนล้วงกระเป๋า โดนกรีดกระเป๋าได้ บางทีไปเจอคนที่เขาไม่มีเงิน ถ้าโดนทำแบบนี้ก็ลำบาก เหมือนกับเพื่อนของตน กว่าจะทำงานได้มา สองพัน ก็หายไปแล้ว พวกมันก็สบาย ตำรวจก็ไม่เห็นจับอะไรมันเลย

สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ