เชียงราย-รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข นำคณะติดตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มั่นใจ ผู้ว่า และฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข ฯลฯ รับมือได้ เพราะไม่ใช้การระบาดระลอก 2 ของไทย ต้นเหตุของผู้ติดเชื้อยังมาจากสถานที่เดียว ผู้ติดเชื้อทุกคนยังมีความสัมพันธ์กับคนกลุ่มแรก ตอนนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวภาคเหนือได้ หากระมัดระวังใส่แมส ล้างมือ ไม่ไปในสถานที่คนพลุกพล่าน ไม่มีการล็อคดาวน์เมือง ส่วนการที่ผู้ประกอบการจะฟ้องร้องคนลอบเข้าเมืองนำเชื้อมาติด ก็เป็นสิทธิ์ คาดกลางปีหน้าอาจจะมีวัคซีนต้านโควิดใช้
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 8 ธ.ค.63 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมาที่ ด่านศุลกากรแม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ อ.แม่สาย โดยมี นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง และ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 ,พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือนผกก.ตม.จ.เชียงราย,นายออน อุ่นทวีทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สาย,นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย,น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รอง ปธ.หอการค้า จ.เชียงราย และ ปธ.หอการค้า อ.แม่สาย ฯลฯ ให้การต้อนรับและนำพบปะเจ้าหน้าที่ประจำด่าน
โดย นายอนุทิน ได้เยี่ยมและทักทายเจ้าหน้าที่ ด่านตรวจโรค และ ดูการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนของเจ้าหน้าที่ รถโมบายพระราชทาน เก็บตัวอย่างชีวนิรภัย (Biosafety Mobile Unit) พร้อมพบปะกับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม.และทักทายคนขับรถขนส่งสินค้าฝั่งไทยอย่างเป็นกันเอง โดยทุกคนสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด โดย นายอนุทิน พูดติดตลกว่า “วันนี้ดูเงียบๆไปนะ”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่า ตนเห็นว่า จังหวัดเชียงราย มีความพร้อมตั้งแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข หน่วยราชการทุกหน่วย ที่มาคอยควบคุมที่แนวพรมแดน อ.แม่สาย และใกล้เคียง เพราะประเทศเพื่อนบ้านมีการระบาด แต่ฝั่งไทยไม่ถือว่าเป็นการะบาดระลอก 2 เพราะต้นเหตุของผู้ติดเชื้อยังมาจากสถานที่เดียว และการค้นพบผู้ติดเชื้อทุกคนยังมีความสัมพันธ์กับคนกลุ่มแรก และผู้ติดเชื้อทั้งหมดตอนนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาล ผู้ติดเชื้อก็ได้รับการรักษาและมั่นใจว่าจะหายจากโรคโควิด-19 ในระยะเวลาไม่นาน และยังไม่มีผู้ใดมีอาการปอดอักเสบ หรือน่าเป็นห่วง
ผู้ที่เดินทางมากลับจากประเทศเพื่อนบ้านถูกกฎหมาย ที่กำลังมีการประสานอยู่ เช่น จาก เมียนมา และต้องเข้ารับการกักตัวใน ศูนย์กักตัวของรัฐ (Local State Quarantine) 14 วัน ตน กับ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ก็ยืนยันว่า คงไม่มีใครอยากจะลักลอบเข้ามาในประเทศ เพราะจะถูกจับดำเนินคดี คงต้องเข้ามาในช่องทางปกติ ความปลอดภัยก็จะเกิดขึ้น พี่น้องประชาชนคนไทยที่วางแผนไว้ว่าจะมาเที่ยวในภาคเหนือของไทย ขอให้มีความมั่นใจและสบายใจ การตรวจเชื้อ เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้นักท่องเที่ยว ประชาชน ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือ ล้างสบู่บ่อยๆ อย่าไปอยู่ในที่คนพลุกพล่าน เพราะมาเที่ยวภาคเหนือ ส่วนมากก็มาชมธรรมชาติ มาไหว้พระ หากระมัดระวังก็ไม่ติดเชื้ออยู่แล้ว มาตรฐานเรามีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมาจัดมาตรฐานใหม่ หากพบผู้ติดเชื้อ ก็จะเพิ่มความเข้มข้น เมื่อมีความเข้มเราถึงตรวจเจอ และจัดการดูแลได้หมด
ส่วน กลุ่มผู้ประกอบการ ห้องพัก รีสอร์ท โรงแรม ร้านอาหารใน จ.เชียงราย จำนวนหนึ่ง รวมตัวกันในตัวเมืองเชียงราย เพื่อจะฟ้องร้อง กลุ่มคนที่ลักลอบเดินทางกลับประเทศไทย แล้วนำเชื้อโควิด-19 มาแพร่ นั้นเป็นสิทธิของแต่ละคนที่ทำได้ แต่ตนขอให้คนไทยอย่าลักลอบไปทำงานต่างประเทศ หากลอบไปก็ต้องลอบลักลอบกลับ ก็ผิดกฎหมายอีก ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ผมก็ว่ามามากแล้วไม่อยากว่าบ่อย ข่าวลือที่ว่าจะห้ามคน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ ไม่ให้เข้าจังหวัดอื่น หรือ ล็อคดาวน์เชียงราย ไม่มีแน่นอน นี่เป็นประเทศไทย ไม่มีการห้ามคน เชียงราย เชียงใหม่ ไม่ให้ไปไหนไม่ได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ สถานการณ์ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่มีอะไรแปลกๆโผล่มา ไม่มีการล็อคดาวน์แน่ หากจะขนาดนั้นต้องระดับ นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ระดับนี้ไม่มีการล็อคดาวน์
ส่วน เรื่องวัคซีนต้นโควิด-19 นั้นทราบว่า ที่ไทยได้เซนสัญญาซื้อ กับ แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทผลิตวัคซีนสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน และ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด นั้นก็เริ่มมีการผลิต หากมีวัคซีนรายอื่นที่จะมาขึ้นทะเบียนในไทยและไม่มีเงื่อนไขใดใด ผมเคยหารือกับ เลขาธิการ อย.ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เราไม่ได้ปิดกั้นใดใด คาดว่าหากไม่มีอุปสรรค ราวกลางปี 2564 ไทยก็น่าจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาใช้
ปัญธิพงศ์ ศิริโชคธนากูล / ผู้สื่อข่าว จ.เชียงราย โทร.0990505989