ข่าวพาดหัว

มูลนิธิเป็นหนึ่ง – พม. ร่วมสายตรวจสน.ทุ่งครุ รุดช่วยเด็ก 7 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยง-แม่แท้ๆ ทำร้ายร่างกายจนต้องวิ่งขอให้รถขยะช่วย

เมื่อเวลา 10.00 น.
วันที่ 30 มิ.ย. 2567
ต้นอ้อ น.ส. ชลิดา พะละมาตย์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน บ้านพักเด็กและกรุงเทพฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจสน.ทุ่งครุ ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 431/337 หมู่บ้านวิเศษสุขนคร ซ.6 ซ.ประชาอุทิศ 79 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ช่วยเหลือเด็กชายอายุ 7 ปี ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกาย เพื่อนบ้านทนไม่ไหว ร้องมาทางมูลนิธิเป็นหนึ่ง ให้เข้าช่วยเหลือถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายทุกวันจนต้องวิ่งตามรถขนขยะเพื่อขอหนีออกไปด้วยเพราะทนการกระทำดังกล่าวไม่ไหว

คุณหญิง แม่ค้าขายของชำ บอกเล่าว่า เห็นน้องเดินมาซื้อของเมื่อวานตอนเย็นช่วงเวลาประมาณ 5-6 โมง มาซื้อน้ำแข็ง ตอนจ่ายเงินเห็นบาดแผลที่มือน้อง เลยเรียกเข้าไปในร้านเพื่อขอดูบาดแผลและสอบถามว่าไปโดนอะไรมา เลยถ่ายบาดแผลไว้ ครั้งก่อนก็มีบาดแผลแต่น้อยกว่านี้และ ข้างบ้านเห็นว่าพ่อเลี้ยงตีทำร้ายเพราะเคยวิ่งหนีร้องออกมานอกบ้าน และเคยวิ่งตามรถเก็บขยะเพื่อจะหนีไม่อยากอยู่บ้าน เพราะกลัวจะโดนตีอีก ข้างบ้านจึงแจ้งตำรวจมา แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะเด็กไม่ยอมบอกอะไร จนข้างบ้านก็ช่วยอะไรทำอะไรมากไม่ได้ จนตนเห็นครั้งนี้มันรุนแรงไป ตนจึงแจ้งไปตามเพจสื่อต่างๆเพื่อขอความช่วยเหลือเด็ก เพราะสงสาร

จากการสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ยินเสียงร้องของเด็กดังออกมาจากภายในบ้านแทบทุกวันบางครั้งก็จะได้ยินเสียงเหมือนทะเลาะกันดังลั่นออกมาจากภายในบ้าน แล้วมีอยู่วันนึงเห็นเหมือนกับพ่อเลี้ยงจับเด็กกระแทกกับกำแพงบ้านอย่างรุนแรง ชาวบ้านแถวนี้พยายามโทรแจ้งตำรวจในพื้นที่ให้ช่วยเหลือ แต่พอไปถึงที่ สน.เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปล่อยตัวออกมาทุกครั้ง จนชาวบ้านแถวนี้ต่างก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยเด็กคนดังกล่าวได้ สงสารก็สงสารแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ วันนี้ชาวบ้านรู้สึกดีใจที่มีหน่วยงานมาช่วยเด็กแล้วก็ขอให้น้องรอดปลอดภัย

โดยน.ส. ชลิดา เปิดเผยว่า จากการสอบถามแม่ของเด็กชายผู้เสียหายแล้ว มีแต่พูดโยนความผิดให้เด็กเพียงอย่างเดียว อ้างว่าเด็กเอาไม้มาให้แม่ตีด้วยตัวเอง นอกจากนี้จากการสอบถามแม่เด็กยอมรับว่า ได้ใช้เข็มขัดฟาดเด็กจริง รวมถึงพ่อเลี้ยงเด็กก็ร่วมทำร้ายด้วย แม่เด็กยืนยันว่าลูก 7 ขวบเป็นเด็กไม่ดี ตั้งแต่อยู่โรงเรียนเก่าน้องมีพฤติกรรมชอบขโมยของ ทั้งที่เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา วันเกิดน้อง แต่พ่อเลี้ยงกลับใช้น้องไปซื้อน้ำแข็งมาดื่มสุรา จากการสอบถามเด็กมีความกลัว เขาไม่อยากให้พ่อมา ส่วนตามร่างกายเด็กนั้นข้างหลังและตามลำตัวมีแต่ร่องรอยการถูกทำร้าย

“ฝั่งภรรยาไม่สามารถห้ามสามีใหม่ได้ยิ่งห้ามยิ่งโดนหนัก พูดไปเรื่อยยิ่งโดนหนัก ทางแม่ไม่พอใจอายสื่อ แต่ตนบอกไปว่าตอนทำลูกไม่อาย และยังบอกว่าสามีใหม่ไม่เคยทำร้ายตอนเมา แสดงว่าทำร้ายตอนมีสติอยู่ ที่สามัญสำนึกความเป็นแม่ เพราะแม่เขาร่วมลงมือตีด้วย ส่วนพ่อติดยาเสพติดหรือไม่นั้น แม่เด็กยืนยันว่าแค่เพียงดื่มสุราเท่านั้น ในความเห็นส่วนตัว ตนต้องการให้เด็กอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาสภาพจิตใจ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนั้นแค่ทำข้อตกลงจนเด็กเกิดถูกทำร้ายจนตาย เด็กถามว่าสามารถไปอยู่ที่อื่นได้ด้วยหรือไม่ เด็กยังมีอาการที่กลัว แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึก เพราะแม่ใช้สายตากับพูดจาข่มขู่

ด้านพ.ต.อ.จุมพล สินศิริพงษ์ ผกก.สน.ทุ่งครุ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ เมื่อมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ ที่ผ่านมา ไม่มีคนกลางประสานช่วยเหลือเด็ก อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจร่างกายเด็กเพื่อประกอบการดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนจะดำเนินคดีทั้งพ่อและแม่ที่ทำร้ายเด็กหรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบปากคำพ่อและแม่ของเด็กอย่างละเอียดก่อนที่จะมีการดำเนินคดีต่อไป

ด้านพ่อเด็ก กล่าวว่า ยืนยันว่าตีจริง ยืนยันว่าจะเลิกพฤติกรรมแบบนี้และไม่ทำแล้วกลับมาตีอีก ส่วนถ้าตี 2 ทีก็พอแล้ว ไม่ฟัง กรณีรักษาของไม่ได้ วันก่อนเพิ่งพาไปกินข้าวด้วยกันในวันเกิดก็เพิ่งซื้อเค้กให้เป่า เวลาเล่นที่โรงเรียนก็จะเล่นกับเพื่อนแรงๆ ส่วนใหญ่ที่ลงมือนั้น จะตีขาตีหลังและก้นเท่านั้น น้องยอมรับผิดหยุดลงมือ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัก ตนก็ดิ้นรนหาโรงเรียนเรียนให้หลังจบอนุบาล ตนรักเขาเพราะดูแลน้องตั้งแต่อายุ 4 ปี ดูแลกันมา 3 ปี อย่างไรก็ตาม ตนทำผิดก็ต้องยอมรับที่ลงมือกับลูก บางครั้งเขาหยิบเข็มขัดและไม้ให้ตนฟาด เพราะเขาทำผิด ที่หัวปูดบวม จากการเขาตกบันไดด้วย

ส่วนการเอาหัวโขกกับพื้นหรือไม่ พ่อเด็กยืนยันว่า เป็นจังหวะเหวี่ยงก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้น เกิดอาการบาดเจ็บก็เอาน้ำร้อนประคบ บางครั้งน้องไม่รับผิดชอบกล่องข้าวเกิดอาการบูดไม่บอก สายคล้องคอหาย ก็บอกว่าคนอื่นเอาไป เขามีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่โรงเรียนเก่า แต่ถือว่าน้องเป็นเด็กเรียนดี และกรอกน้ำช่วยเหลืองานบ้าน จังหวะแม่ท้องน้องอยู่เกิดอาการหงุดหงิดจึงไล่น้องออกจากบ้านแค่นั้น แต่อาจจะมีพฤการณ์ที่อยู่บ้านกับโรงเรียนไม่เหมือนกัน รู้สึกเสียใจที่กระทำลักษณะดังกล่าวไป ถามว่าอยากอยู่กับป๋ากับแม่และอยากอยู่กับน้องในท้องแม่มีอีกคนหนึ่ง ทั้งนี้ สัญญาว่าจะไม่ทำกับน้องแบบนี้อีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ พม. จะนำแม่และเด็กไปดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานครก่อน ส่วนพ่อเลี้ยงเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กในปกครอง จนได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ