รอยยิ้มในยามวิกฤต ชาวบ้านในพื้นที่ อ.ปทุมรัตต์ออกมาทอดแหหาปลากลางถนน และริมคลองห้วยลำเสียวใหญ่ หลังเจอน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ไร่นา จับปลามากินอิ่มท้องเหลือก็เอาขายได้เงินใช้
วันที่ 20 ก.ค.2567 จ.ร้อยเอ็ดเป็นอีกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องจนทำให้อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ ในพื้นที่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม แตก มวลน้ำไหลลงท่วมบ้านเรือนประชาชนและนาข้าวหลายพันไร่
โดยมวลน้ำดังกล่าวได้ไหลผ่าน อำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคามจนล่าสุดมวลน้ำได้มาถึงเขต อ.เกษตรวิสัย และอำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด
ชาวบ้านในพื้นที่บ้านท่าม่วง ต.โพนสูง อ.ปทุมรัตต์ เป็นพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบต่างเร่งเก็บของหนีน้ำและเตรียมย้ายสิ่งของที่จำเป็นไปไว้ที่สูงเพื่อเตรียมความพร้อมในการอพยพ
ขณะที่บางส่วนก็พยายามพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เอาแหออกมาหว่านจับปลาที่มาพร้อมน้ำล้นตลิ่ง สร้างรายได้ และหาอาหารเป็นกับข้าวในช่วงที่น้ำท่วมแบบนี้ โดยปลาที่ชาวบ้านจับได้นั้นมีตั้งแต่ปลาขนาดเล็กอย่างปลาสร้อย ปลาสลิด ปลาตะเพียน ปลานิล ไปจนถึงปลาช่อนตัวโต น้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัม ก็มีให้เห็น
ชาวบ้านกล่าวว่าหากมีน้ำท่วมก็จะออกมาหาปลาบริเวณนี้ เนื่องจากในพื้นที่ ที่ชาวบ้านปล่อยปลาเอาไว้ เมื่อน้ำท่วมปลาเหล่านั้นก็จะว่ายออกมาด้านนอก ชาวบ้านต่างรู้กันดีว่าเมื่อน้ำท่วมแล้วก็จะเป็นโอกาสให้ออกมาหากับข้าวไปแบ่งกันรับประทานกันเป็นประจำทุกปีแบบนี้
สอบถาม นายบุญช่วย กุดนอก ชาวบ้านที่ออกมาจับปลาเล่าให้ฟังว่า ในช่วงน้ำท่วมแบบนี้ชาวบ้านต้องเปลี่ยนวิฤกตเป็นโอกาสโดยการออกมาทอดแหจับปลาที่มากับน้ำ ปลาที่จับได้ก็จะนำไปประกอบอาหาร เหลือจากประกอบอาหารก็จะนำไปขาย น้ำท่วมแบบนี้มันจะดีกว่าภัยแล้ง น้ำท่วมถึงจะท่วมไร่นาก็ยังพอได้จับปลาขายได้เงินอยู่ ปลาส่วนใหญ่ที่ได้จะเป็นปลาสร้าย และปลายสลิด ปลาที่จับได้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาที่ออกจากบ่อที่ชาวบ้านเลี้ยง ไม่ใช่ปลาธรรมชาติ ปลาที่จับได้จะขายตั้งแต่กิโลกรัมละ 60-200บาท แล้วแต่ชนิดของปลา
ภาพ/ข่าว:: พงษ์พัฒน์ นามสอน/ร้อยเอ็ด