คืบหน้าหรีดปริศนาโผล่ป่วนงานวันเกิด นายกตุ้ม
จากกรณี เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2567 นายสมปอง(หรือนายกตุ้ม) รัศมิทัต อายุ 58 ปี นายก อบต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางเข้าแจ้งความ หลังถูกมือดี นำพวงหรีดดอกไม้สดมาวางไว้บริเวณหน้าตลาดคุ้งบางกะเจ้า ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่ นายกตุ้ม กำลังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์วันเกิดตัวเอง ภายในตลาดคุ้งบางกระเจ้า โดยปรากฏมีชายวัยรุ่น 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดบริเวณทางเข้าตลาดคุ้งบางกระเจ้า ซึ่งเป็นบริเวณทางเข้างานเลี้ยง วันเกิดนายกตุ้ม โดยมีพวงหรีดติดมาด้วย และได้นำพวงหรีดไปวางไว้บริเวณทางเข้าตลาดคุ้งบางกระเจ้า โดยมีข้อความระบุในพวงหรีดว่า “ด้วยความอาลัยนายกตุ้มและครอบครัว และโคตร จากกลุ่มเกษตรกรตำบลบางยอ” โดยเหตุการณ์นี้ สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านที่มาร่วมในงาน จากนั้นท่านนายก จึงได้นำพวงหรีดดังกล่าวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุนั้น
ล่าสุด วันที่ 3 สิงหาคม 2567 นายกตุ้ม ไม่ได้นิ่งนอนใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ทำการตามหาเบาะแสด้วยตัวเอง โดยได้เดินทางไปยังร้านขายพวงหรีดแห่งหนึ่ง ย่านราษฎร์บูรณะที่เป็นต้นทาง ที่มีผู้ไม่ทราบวัตถุประสงค์ ไปสั่งทำไว้ ทันทีที่ผู้รับงาน ซึ่งเป็นเจ้าของร้านพวงหรีดดังกล่าว ได้พบกับ นายกตุ้ม และได้มีการพูดคุยกัน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางร้าน ก็ตกใจ พร้อมเปิดเผยว่า ทางร้านก็แปลกใจตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะปกติการพิมพ์ใบปะหน้าพวงหรีด โดยทั่วไปนั้น จะไม่ใช้คำที่ มีลักษณะข่มขู่ คุกคาม หรือ รุนแรง โดยทางร้านก็แปลกใจ และยังเปิดเผยอีกด้วยว่า จริงๆแล้ว ผู้สั่ง ต้องการให้พิมพ์คำที่หยาบ และมีความหมายรุนแรงกว่านี้ ทางร้านก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่า เพราะเหตุใด ผู้สั่งงาน จึงมีความประสงค์ที่จะให้พิมพ์ ออกไปในลักษณะนั้น
หลังจากใช้เวลาพูดคุยสอบถาม และทำความเข้าใจกันอย่างดี เป็นเวลาพอสมควรแล้ว นายกตุ้ม ก็ได้เดินทางต่อ เพื่อค้นหาตัวคนต้นตอที่เป็นผู้สั่งงาน พวงหรีดปริศนาดังกล่าว ที่บ้านเลขที่ 150/1 ม.9 ภายในซอยเพชรหึง 1 ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตามเบาะแส โดยมี กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน ของ สภ.พระประแดง เดินทางไปด้วย แต่เมื่อไปพบบ้านหลังดังกล่าว ตามเบาะแสที่มีอยู่นั้น กลับไม่พบตัว ผู้สั่งทำพวงหรีดปริศนา โดยเจ้าของบ้านออกมาชี้แจงว่า บ้านหลังนี้มีอยู่จริง แต่ตัวคนที่ต้องการพบนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ การที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้น เป็นเพียงการย้ายเข้ามาเพื่อที่จะทำการ ลงคะแนนเลือกตั้งเพียงเท่านั้น ส่วนคนในบ้าน ก็ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ทำให้ทาง นายกตุ้ม รู้สึกผิดหวัง ที่ตนได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และเวลา ที่จะตามหาตัวคนทำ เพื่อจะได้คลี่คลายปริศนาที่เกิดขึ้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรมเลย อย่างไรก็ดี นายกตุ้ม ได้กล่าวว่า ตนจะทำการค้นหาด้วยตนเอง อย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อหาตัวผู้กระทำการนี้ให้ได้โดยเร็ว
นายกตุ้ม เล่าว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์วันเกิดที่ผ่านมา เมื่อมีคนนำพวงหรีดปริศนามามอบให้ ตนเองต้องหาตัวคนร้ายให้ได้ คนที่ทำให้เราเสียชื่อเสียง ซึ่งหนักกว่านี้ตนก็เคยเจอมาแล้ว ซึ่งตัวผมคนเดียว ไม่เท่าไหร่แต่มีคำว่า”โคตร” มันหมายรวมถึงญาติพี่น้องหลายสาย ซึ่งถ้าที่ผ่านมาตนเองทำตัวไม่ดีหรือเกเร ตนเองก็ยอมรับแต่ที่ผ่านมาผมไม่เคย หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ตนเอง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง ต้องตามจับคนร้ายให้ได้ ส่วนในเรื่องของการเมืองตนเองคิดว่าใช่ ตั้งแต่มีการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยเอาเวลาราชการมาหาเสียงรู้ขอบเขตของกฎหมาย การทำงานควรเอาช่วงเวลาวันหยุดมา ขอคะแนนเสียง ส่วนการเลือกตั้งที่ผ่านมามีเหตุการณ์ คือลูกบ้าน ของผมไม่สามารถออกมาเลือกตั้งได้เนื่องจากมีตะปูโรยอยู่หน้าบ้านรวมถึง รองนายกฯ อบต.บางยอ โดนโรยลูกตะปูเต็มหน้าบ้าน ส่วนเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้การนำพวงหรีดมาวาง จะเป็นชุดเดียวกันไหมตนเองก็ต้องรอดู ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง โชว์ฝีมือเพราะว่ามีชื่อร้านค้าและรู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว ส่วนร้านค้าก็ต้องรับผิดชอบใน คำพูดที่ว่าด้วยความอาลัย นายกตุ้ม และโคตร ส่วนตนเองอยากจะสอบถามร้านค้ากลับคืนว่า การที่คุณจะทำพวงหรีด คำว่านายกตุ้มและโคตร ตนเองอยากจะถามร้านค้าว่า คำว่าโคตรร้านค้าน่าจะมีจิตสำนึกตรงนี้แล้วว่ามันไม่สมควรเอาคำพูดคำนี้ใส่ลงไป แต่ตนเองก็ไม่ได้โกรธซึ่งตนจะไปขอความร่วมมือคนที่มาสั่งว่า เป็นรูปร่างลักษณะอย่างไร ตนจะไม่ไปโทษร้านค้า แต่สิ่งที่คุณไปออกข้อความ มาแบบนี้มันไม่สมควรและไม่ดี
ส่วน นาย สำเริง แตงพลอย อายุ 71 ปี เจ้าของร้านขายของชำ ที่อยู่ตรงกันข้าม คุ้งบางกระเจ้า ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้พบเห็นกลุ่มชายวัยรุ่น ร่างกายกำยำ แต่งกายมิดชิด มากันเป็นกลุ่ม มากบ้าง น้อยบ้าง มักจะมาจับกลุ่ม นั่งเฝ้าสังเกต ความเคลื่อนไหวบางอย่าง ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนคือ ลูกค้าไม่กล้า ที่จะเดินเข้ามาซื้อของในร้านของตน เพราะถูกกลุ่มชายวัยรุ่นดังกล่าว นั่งกันเป็นกลุ่มปิดหน้าร้าน โดยบางวันก็มีน้ำกระท่อมติดมือมานั่งดื่มกินกันด้วย ตนก็ไม่กล้าออกไปพูดตำหนิอะไรเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ โดยเฉพาะลูกค้านั้นไม่กล้าที่จะเดินเข้ามาซื้อของในร้านของตนเลย ซึ่งเหตุการณ์นี้ เป็นเช่นนี้มาหลายเดือนแล้ว
***************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ