จากกรณี ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้พา นางสาวชลิดา กิจคงเจริญ อายุ 47 ปี ชาวบางปลา จ.สมุทรปราการ เดินทางเข้าแจ้งความกับเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังถูก นางสาวสกุลตลา พันธะปลิว , นายจิระเดช เรณูชาติ และ นางสาวสุชาดา สุเค หลอกให้ร่วมลงทุนทำคาร์แคร์ทิพย์ โดย นางสาวชลิดา (ผู้เสียหาย)ได้โอนเงินไปทั้งหมด 8 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ นางสาวชลิดา (ผู้เสียหาย) เก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลบุตรชายที่พิการทางสมอง พอทวงถามจากทั่งสามคนกลับถูกท้าให้ไปฟ้อง จึงนำหลักฐานทั้งหมดมาแจ้งความ โดยหลังจาแจ้งความแล้วได้ติดต่อพูดคุยกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุได้มีการนัดจะมาคืนเงินให้
ล่าสุด วันที่ 8 สิงหาคม 2567 ที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้เดินทางมาพร้อมกับ นางสาวชลิดา กิจคงเจริญ อายุ 47 ปี ชาวบางปลา จ.สมุทรปราการ เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังจากผู้ต้องหาทั้งสามคนไม่มานัดและไม่สามารถติดต่อไป ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ออกหมายเรียกทั้งสามคนมาพบพนักงานสอบสวน แต่หากไม่มาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายหมายจับ
นางสาวชลิดา ผู้เสียหาย บอกว่า ตนได้รู้จักกับผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที มาได้ประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว หลังจากรู้จักกันก็มีการไปเที่ยวด้วยกัน และก็มีการแลกไลน์กันแลกเบอร์ แล้วก็มีการไปมาหาสู่กัน และไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ตลอดระยะเวลา 2-3 ปี และมีลูกๆมาทานข้าวร่วมกัน คือมีความสนิทกัน เขาอยู่ จ.นนทบุรี ตอนเดือนเมษายนเขาโทรมาถามว่ามีงานแถวบางพลีให้ทำไหม ตนก็ถามเขาว่าอยากทำอะไร เขาตอบว่าอยากขายของ ตนก็ขับรถดูทำเลภายในซอย เขาบอกว่าห้องที่จองยังเข้าอยู่ไม่ได้ แต่เขาย้ายออกกันมาแล้วทั้งสามีภรรยา ตนก็ถามว่าเขาห้องอื่นมั้ยแต่เขายืนยันว่าจะเอาตรงนั้น ตนเลยให้เขาพักที่บ้านด้วย ระหว่างที่รอห้องเป็นเดือนเขาก็เริ่มไม่ขายของและมาชวนตนทำคาร์แคร์ เขาอ้างว่าแฟนเขามีประสบการณ์ในการทำคาร์แคร์ ตนก็คิดว่าน่าสนใจจึงสอบถาม เขาก็บอกว่าใช้งบประมาณ 200,000 มีพวกน้ำยาล้าง และอุปกรณ์ในการล้าง พอคุยกันเสร็จก็ไปดูพื้นที่ด้วยกันแต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเอาตรงนั้น และเขามาบอกกับตนว่าตอนนี้เซลล์เขามีโปร ถ้าซื้อน้ำยาตอนนี้จะได้ราคาเท่านี้ตนลองเทียบราคาดูแล้วว่ามันถูกว่าที่อื่น และมีของถมเป็นน้ำยาอีกเยอะตนเลยตกลงที่จะโอนเงินไปให้เขา แล้วเขามาบอกว่าตอนนี้มีโปรอุปกรณ์ให้ตนโอนเงินไปอีก ตนก็โอน หลังจากนั้นก็มีมาคุยเรื่องตู้คอนเทรนเนอร์ที่จะมาทำออฟฟิศ และเขาอ้างว่ามีเพื่อนทำตู้คอนเทรนเนอร์ได้ราคาถูก ประมาณ 40,000 กว่าบาท จ่ายกันคนละครึ่ง แต่ต้องจองไว้ก่อนใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ ตนก็เชื่อเขาก็เลยโอนไปอีกคนละครึ่ง และก็จะมีเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างและคนงาน ทั้งหมดที่โอนไปประมาณ 8 ครั้ง เป็นเงินประมาณ 200,000 บาท พอถึงเวลาที่ของต้องมาส่งพวกน้ำยาที่สั่งไปตั้งแต่เดือนพฤษภา เดือนมิถุนายนต้องมาส่ง เขาก็ขอโลเคชั่นไปแต่ของก็ไม่มา ตู้คอนเทรนเนอร์ที่เขาอ้างว่ามาแล้วแต่ฝากคนอื่นไว้ พอตนจะให้เขาตู้คอนเทรนเนอร์มาเขาก็ใช้คำพูดบ่ายเบี่ยง พวกวัสดุก่อนร้างก็ไม่มี ตนมารู้วันที่นัดส่งของ แล้วเขามาบอกตนว่าเขาไม่ทำแล้ว เขาถอยแล้ว
ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ กล่าวว่า คือมันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก มีฎีกาอยู่ฎีกาหนึ่งที่หลอกร่วมลงทุนตั้งแต่ครั้งแรก คดีฉ้อโกงบางคนเข้าใจผิดคิดว่าการหลอกร่วมลงทุนเป็นคดีแพ่ง จริงๆไม่ใช่ ฎีกาปัจจุบันสัญญาร่วมลงทุนหลอกลวงตั้งแต่ต้นฉ้อโกงถือว่าเป็นการหลอกลวง คือไม่มีอยู่จริงถือว่าหลอกลวง ส่วนใหญ่พวกนี้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นสัญญาแพ่ง แม้ว่าเป็นการเซ็นสัญญาหรือว่าไม่ได้เซ็นหรือเซ็นสัญญาไปแล้ว ก็ถือว่าหลอกลวง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ฉ้อโกงโดยทุจริต อย่างนี้คือฉ้อโกงตั้งแต่ต้น มันเป็นคาร์แคร์ทิพย์ หลอกเพื่อเอาเงินไปเรื่อยๆ แล้วก็เทเขา เขาให้อยู่ที่บ้านตั้ง 20 กว่าวัน กินอยู่เสร็จ ทุกอย่างดูแลหมด สุดท้ายได้เงินเขาไปแล้วเอาไปเปิดเอง ย้ายไปอยู่บ้านใหม่โดยที่เอาเงินเขาไปเป็นค่าเช่า ในการดำเนินการ และคุณก็หลอกเขา สุดท้ายแล้วปัญหาของคุณ ไม่รู้ว่าคุณไปหลอกเหยื่อมาแล้วกี่ราย คิดว่าน่าจะโดนหลายราย ตนกำลังสืบอยู่ว่าตอนนี้เงินอยู่ที่บัญชีใครดำเนินการหมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ลูก แล้วลูกคุณไม่เกี่ยวตนไม่รู้หรอก แต่เขาเดือดร้อนเขามีลูก คุณก็มีลูก คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งนี้ ที่คุณทำเพราะคุณทุจริต หลอกลวงตั้งแต่ต้น เป็นการฉ้อโกง ถ้าคิดว่าสู้ตนบอกเลยว่าติดคุกแน่นอน และสามีคุณเคยถูกจำคุกมาแล้ว และลูกคุณเงินผ่านบัญชี ยังไงเขาก็แจ้งความหมด ถึงจะบอกว่าลูกไม่เกี่ยวแต่เงินเข้าบัญชีแล้วโอนไปโอนมาถือว่าต้องรับผิดชอบในส่วนนี้จะอ้างไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบไม่ได้ คุณรักลูกคุณเขาก็รักลูกเขา เขาต้องเอาเงินไปรักษาตัว คุณต้องรับผิดชอบ
******************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ