เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 9 ส.ค.67 พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท ,นายภูมิจิต พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย, พันเอกอาณัติ ดำนงค์ นปก.ประจำ มทบ.11 นายพงศธร กาญจนะจิตรา รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี, นายแพทย์ภุชงค์ ชัยชิน นายแพทย์สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมเปิดปฏิบัติการ SMOKELESS Ep.2 บุกทลาย 2 เครือข่ายค้าบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ารวมกว่า 36 ล้านบาท
ด้านพล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้จับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ต่อมาได้สืบสวนขยายผลจนทราบข้อมูลเครือข่ายผู้ค้ารายใหญ่ โดยมีการจัดจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ และสามารถรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นและได้นำกำลังเข้าจับกุมเครือข่ายผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ โดยได้เข้าตรวจค้นทั้ง 2 จุด ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี มีรายละเอียดดังนี้1. ตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.5 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จับกุมผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 และซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึ่งรู้ว่าเป็นสิ่งของต้องห้ามน้ำเข้าในราชอาณาจักร ตามมาตรา 246 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ” พร้อมของกลางดังนี้- พอตบุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ KS Quik แบบใช้แล้วทิ้ง จำนวน 127,000 ชิ้น ราคา 25,430,000 บาท (มูลค่าของกลางจุดที่ 1 รวมจำนวนทั้งสิ้น 127,000 ชิ้น ราคารวม 25,430,000 บาท) 2. ตรวจค้นโกดัง ซอยบงกช 35 เลขที่ 20/10 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จับกุมผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 และซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึ่งรู้ว่าเป็นสิ่งของต้องห้ามน้ำเข้าในราชอาณาจักร ตามมาตรา 246 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ” พร้อมของกลางดังนี้ พอตบุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ KS Quik แบบใช้แล้วทิ้ง จำนวน 56,200 ชิ้น ราคา 11,24,000 บาท(รวมมูลค่าของกลาง จุดที่ 2 จำนวน 56,200 ชิ้น ราคา 11,240,000 บาท) รวมของกลาง ทั้ง 2 จุด เป็นมูลค่าประมาณ 36,670,000 บาท ซึ่งในการจับกุมครั้งนี้สามารถจับผู้ต้องหาเป็นชายได้ทั้งหมด 6 คน และได้แจ้งข้อหากรณีความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า”กรณีผู้ขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า”* คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีคำสั่ง ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากูไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ฯ โดยผู้ใดขายหรือให้บริการ มีความผิดตามมาตรา 29/9 ประกอบมาตรา 56/4 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”กรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามมาตรา 20 แห่งพ.ร.บ. การส่งออกไปนอกและการนำเข้าฯ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากูไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กับให้ริบบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้ง สิ่งที่ใช้บรรจุและพาหนะใดฯ นั้นด้วย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับกรณีผู้ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดฯ ตามมาตรา246 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ ฯหากพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลเบาะแสได้ที่ สายด่วน 1599