COVID-19ข่าวพาดหัวช่วยชาวบ้าน

สระแก้ว- เดินหน้า โคบาลบูรพา”ช่วยเศรษฐกิจชาวบ้านยุคโควิด 19

สระแก้ว- เดินหน้า โคบาลบูรพา”ช่วยเศรษฐกิจชาวบ้านยุคโควิด 19

https://youtu.be/WdArZ4rnxkg

 

ผู้สื่อข่าวรายงาน” เกษตรกรผู้เลี้ยงโคในโครงการ “โคบาลบูรพา” ปรับตัวในช่วงเศรษฐกิจยุคโควิด 19 หลังจากตกงาน ในช่วงที่ประเทศไทยล็อคดาวน์ต้นปี ปรับเปลี่ยนวิถี ชีวิตหันไปเลี้ยงโคเนื้อ โดยมีตลาดกลางซื้อขายแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนละครั้ง สร้างรายได้งาม “ขณะที่กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ ยอมรับ โครงการนี้กำลังเริ่มเห็นผลตอบรับที่ดี หลังจากผ่านไป 3 ปี โดยเฉพาะเศรษฐกิจในยุคโควิด แบบนี้ ประชาชนตกงานกลับภูมิลำเนากันมากขึ้น เริ่มให้ความสนใจสมัครเป็นสมาชิก จากเดิม ที่มีอยู่ 6,000 ราย เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 200 ราย
“นายวิวัฒน์ ไชยชะอุ่ม ผู้อำนวยการ กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ พร้อมนายประสิทธิ์ ต้อยติ่ง หัวหน้าสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว ร่วมเป็นสักขีพยานในการชั่งน้ำหนักและการซื้อขายโคเนื้อ ที่ตลาดกลางโคเนื้อ สหกรณ์ปศุสัตว์โคบาลบูรพาวัฒนานคร จำกัด ในตำบลหนองน้ำใส อำเภอวัฒนานคร โดยราคากลางในการซื้อขายโคเนื้อในช่วงนี้ โคเนื้อพันธุ์ชาโรเลย์ ลูกผสม ซื้อขายกิโลกรัม ละ 110 บาท ส่วนพันธุ์บราห์มัน กิโลกรัมละ 95 บาท

“นายวิวัฒน์ ไชยชะอุ่ม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ ยอมรับว่า หลังจากโครงการ “โคบาลบูรพา” เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 เกษตรกรที่เป็นสมาชิกในโครงการ สามารถผลิตโคเนื้อได้มากถึง 685 ตัว แพะอีก 421 ตัว นำไปต่อยอด ให้กับสมาชิกรายใหม่ได้อีก 157 ราย แบ่งเป็นโคเนื้อ 137 ราย แพะอีก 20 ราย โดยตลอด 3 ปีตั้งแต่เริ่มโครงการ “โคบาลบูรพา” กรมปศุสัตว์ใช้หลัก “การตลาดนำการผลิต” จึงทำให้สมาชิกเลี้ยงโคลูกผสมยุโรป ที่มีเนื้อคุณภาพสูง สามารถจำหน่ายโคเนื้อตัวผู้ไปได้แล้ว มากกว่า 1,000 ตัว มีเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 40 ถึง 50 ล้านบาท โดยมีสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อเป็นตลาดกลางหลักในการกำหนดราคา
“จากสภาพปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก ของจังหวัดสระแก้ว ทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เริ่มโครงการโคบาลบูรพาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2560 ระยะเวลาดำเนินการโครงการ 6 ปี งบประมาณกว่า 970 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรประสบภัยแล้ง ถือครองที่ดิน สปก.ที่ให้ผลผลิตการเกษตรค่อนข้างต่ำโดยทางกรมปศุสัตว์ ได้พิจารณาคุณสมบัติเกษตรกรตรงตามเงื่อนไข ขณะนี้มีสมาชิกทั้งสิ้น 6,100 ราย เป็นเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ 6,000 ราย เลี้ยงแพะอีก 100 ราย ขณะที่สมาชิกจะได้รับโคเนื้อ รายละ 5 ตัว แพะรายละ 32 ตัว และจะได้รับการอุดหนุนค่าใช้จ่ายสำหรับแปลงอาหารสัตว์ โรงเรือน รวมถึงบ่อบาดาล แต่เกษตรกร จะต้องคืนโคตัวเมียอายุ 12 เดือน จำนวน 5 ตัว ลูกแพะอายุ 6 เดือนอีก 32 ตัว โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา เพื่อเจ้าหน้าที่จะนำไปขยายผลช่วยเหลือเกษตรกรรายใหม่ต่อไป ส่วนสมาชิกกล่าว.เลี้ยงวัวแล้วก็รัก ตอนนี้ก็คิดว่า จะทำเป็นอาชีพ น่าจะเป็นคำตอบที่จะมอบให้กับลูกหลาน สมาชิกทุกคน เขามองว่าแม้กระทั่งพ่อแม่ เขายังไม่ให้วัวมาเลย” เขาพูดแล้ว ก็น้ำตาไหลผมก็เลยดีใจแทนเขาปัจจุบัน คนที่พูดนี้วัวที่เขาได้ลูกตัวเมียตัวแรก ผมคิดว่าคนนี้ก็เริ่ม มีใจรักก็น่าจะประสบความสำเร็จ อีกรายหนึ่ง” ของกลุ่มเลี้ยงโคเนื้อ อำเภอ ตาพระยา ยอมรับว่า โครงการนี้ เป็นโครงการที่ดีมาก ส่งเสริมรายได้ให้เกษตรกร โดยมีราคาซื้อขายเป็น กลางและมีตลาดรองรับอย่างน้อยเดือนละครั้ง ยิ่งช่วงนี้ เศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง การเงินฝืดเคือง เกษตรกร ที่มีอาชีพเลี้ยงโคเนื้อ จะสามารถ พยุงตัวเองและครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้แน่นอน

นายยุทธนา พึ่งน้อย / ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว