เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2567 ศูนย์กู้ชีพปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุเรือเจ็ทสกีพุ่งชนกับเรือหางยาวของชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญหายภายในน้ำ เหตุเกิดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใกล้เคียงท่าเรือวัดบางกระเจ้านอก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมด้วยอุปกรณ์ประดาน้ำ เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณท่าเรือ พบ ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย ซึ่งซ้อนมากับเรือเจ็ทสกี ทราบชื่อ น.ส.ณัญรี หมิ่นหงดี อายุ 17 ปี และ น.ส.อรลดา ศิลาน่อง อายุ 41 ปี มีรอยฟกช้ำตามแขนกับขา และมีอาการปวดเจ็บตามร่างกาย เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองรายส่งโรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ จากการสอบถามทราบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากท่าเรือประมาณ 100 เมตร และมีผู้สูญหายไปในน้ำ จำนวน 2 ราย ทราบชื่อ น.ส.ปาริฉัตร หอยหมั้น อายุ 44 ปี เป็นผู้โดยสารเรือที่มากับเรือหางยาว และ นาย ประยูร อ่วมปทุม อายุ 64 ปี ที่ท่าเรือ ยังพบ เพื่อนของผู้ได้รับบาดเจ็บ ยื่นอยู่ เรือเจ็ทสกี จำนวน 5 ลำจอดอยู่ ใกล้กันพบเรือหางยาว จอดอยู่ สภาพไม้ด้านข้างฝั่งขวาแตกหักที่เกิดจากการถูกชน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังนักประดาน้ำและผู้เชี่ยวชาญใต้น้ำวางแผนการค้นหาทั้งสองราย โดยประสานไปยังกรมเจ้าท่าให้แจ้งประสานเรือสินค้าและเรือทุกชนิดให้เพิ่มความระมัดระวังในที่เกิดเหตุ ในระหว่างทีมลงค้นหาผู้สูญหาย
ล่าสุดเมื่อเวลา 23.00 น . เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำอยู่ระหว่างการค้นหาร่างผู้สูญหายทั้งสองราย ซึ่งจะต้องวางแผนการค้นหาอย่างรอบครอบ เนื่องจากกระแสน้ำค่อนข้างแรง และเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมีพื้นที่กว้างมาก ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนัก จึงกลายเป็นอุปสรรคในการค้นหาของเจ้าหน้าที่
จากการสอบถาม น.ส.อรลดา ศิลาน่อง อายุ 41 ปี ผู้บาดเจ็บจากเรือเจ็ทสกี (อยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและถามตอบได้ไม่แน่ชัด) เล่าว่า ตนเองมากับเรือเจ็ทสกี 5 ลำ ลำของตนซ้อนมา 3 คน ลำที่เกิดเหตุเป็นของลำของตน ซึ่งคนขับเรือเป็นน้องชายตนขับ
กลุ่มขับเรือเจ็ทสกี บอกว่า ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตนเองนำเรือเจ็ทสกีลงที่ ซอย 3 จอมทองติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลงแม่น้ำจำนวน 5 ลำ รวม 11 คน โดยขับมาเรื่อยๆตามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางร้านครัวอาหารลุงอู เพื่อมากินข้าว หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้วมุ่งหน้ากรุงเทพฯเพื่อจะกลับบ้าน เหตุการณ์คือ 2 ลำแรก รวม 5 คน ได้ออกไปก่อน และ 3 ลำที่เหลือได้ขับตามมา แต่มองไม่เห็นกันเพราะทิ้งช่วง ซึ่งตนเองอยู่ช่วงหลัง แต่ชุดที่ประสานงาเรือข้ามฟากเป็นเจ็ตสกีชุดแรก ลักษณะเหมือน 2 ลำ เจ็ทสกีตีคู่กันมา แต่ว่ามองไม่เห็นเรือข้ามฟากโดยสารแทบ ไม่มีไฟเลยคือมองไม่เห็นเรือโดยสาร จึงทำให้เรือเจ็ทสกีที่ซ้อน 3 มาชนประสานงานเรือข้ามฟากได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งเป็นแฟนสาวและแม่ของแฟนสาว ของดาราหนุ่ม และมีผู้สูญหายตกลงไปภายในน้ำอีก 2 รายซึ่งเป็นผู้โดยสาร 1 ราย ผู้หญิง และผู้ขับเรือข้ามฟากอีก 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ชาย
นายชินดนัย(หรือคิวพี) แซ่ลิ้ม นักแสดงละครซีรี่ส์ เรื่อง วุ่นรักนักบิด ซึ่งคิวพีเป็นคนขับเรือเจ็ทสกี ลำที่พุ่งชนเรือหางยาว บอกว่า ตนเองขับเจ็ทสกีมากับแฟนสาวและแม่แฟนมาในลำเดียวกันสามคน โดยออกเดินทางมาจากย่านพระรามสองเพื่อพากันมาทานข้าวที่ย่านพระประแดง โดยมากันทั้งหมด 5 ลำ ลำละ มีลำของตนเองที่มาทั้งหมด 3 คน หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ ตนเองและเพื่อนอีกลำ กำลังพากันขับเจ็ทสกีกลับบ้าน จนมาถึงที่เกิดเหตุขณะนั้นค่อนข้างมืดและไม่เห็นเรือคู่กรณีที่ขับข้ามฝากมาจากอีกฝั่ง เพื่อนตนเองอีกลำมาถึงหักหลบทัน ส่วนตนเองหลบไม่ทันจึงพุ่งชน เนื่องจากจังหวะที่เห็นคือระยะเมตรสุดท้ายจริงๆ ประกอบกันเรือคู่กรณีไม่มีไฟหรือสัญญาณไฟแต่อย่างใด เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุแต่อย่างใด มันกระชั้นชิดจริงๆ ยอมรับว่ายังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่คาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้
นายมงคลสวัสดิ์ เวิ่นกระโทก อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นสามีของหญิงโดยสารเรือที่จมน้ำสูญหาย บอกว่า ตนเองและภรรยา กำลังนั่งเรือข้ามฝาก ซึ่งเป็นเรือประมงหางยาวขนาดเล็ก โดยมีคุณลุงที่รู้จักรกันเป็นคนขับพาข้ามฝาก เพื่อจะข้ามจากฝั่งบางกระเจ้านอกไปฝั่งพระราม 3 เพื่อจะไปทำธุระ ระหว่างที่เรือกำลังขับข้ามฝั่ง ปรากฏว่ามีเรือเจ็ทสกีคู่กรณีขับมาพุ่งชนจนทำให้คนขับเรือและภรรยาของตนเองกระเด็นตกน้ำส่วนตัวเองรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด
นางสาว เพชรนากร จิตใจ อายุ 35 ปี ลูกสาวคนขับเรือที่สูญหาย ได้เล่าให้ฟังว่า ขอให้หนูเจอพ่อ อยากให้คุณพ่อปลอดภัย ขอให้หนูเจอพ่อก็พอแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้เชิญตัว นายคิวพี และเพื่อนร่วมขบวน ไปสอบปากคำเบื้องต้นที่ สภ.พระประแดง เพื่อทำประวัติไว้เบื้องต้นก่อนจะเชิญมาสอบอย่างละเอียดและพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ