วันที่ 22 สิงหาคม 2567
เวลา 17.30 น.
ร้อยตำรวจโท ภีมพล เชาวไวย์ รอง สว.สอบสวน สน.ทุ่งครุ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เฉี่ยวชน รถจักรยานปั่น เหตุเกิดภายในซอยประชาอุทิศ 60 และภายในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย แล้วหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการสาหัส จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสาน อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุอยู่ภายในซอยประชาอุทิศ 60 ถนน ประชาอุทิศ แขวง ทุ่งครุ เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะ ถนน 2 เลนสวนทางกัน จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณเลนขวาสุดทิศทางมุ่งหน้าออกปากซอย ประชาอุทิศ 60 ตรวจสอบจึดเกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 i สีขาว-แดง ทะเบียน 3 ขช 4279 จอดนิ่งอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุโดยมีถุงใส่ลูกชิ้นปิ้งแขวนอยู่ที่ปลายแฮนด์ของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อเจ้าของรถจักรยานยนต์ต่อมาชื่อนาย อนุรักษ์ อายุ 36 ปี โดยเจ้าของรถจักรยานยนต์ไม่ได้หนีหายไปไหนยังคงนั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัครกู้ภัยอยู่ภายในที่เกิดเหตุในสภาพ เลือดออกที่ปากและจมูก แล้วก็มีบาดแผลถลอดทั่วร่างกาย มีสติดีถามตอบรู้เรื่อง อาสาสมัครให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ภายในที่เกิดเหตุและนำตัวส่งโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ และใกล้กันพบกับรถจักรยาน สีเหลืองล้มตะแคงอยู่กับพื้นถนน แล้วยังพบร่างของ นาย วิชัย อายุ 62 ปี ในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นถนนมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมากบริเวณใบหน้า และที่หู หมดสติไม่สามารถถามตอบได้ แต่ยังมีลมหายใจ อาสาสมัครจึงประสานรถกู้ชีพในระบบการแพทย์ฉุกเฉินเอราวัณให้มาช่วยเหลือทันที เนื่องจากอาสาสมัครประเมินอาการแล้วผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการสาหัสจึงจำเป็นต้องส่งต่อให้รถในระบบการแพทย์ฉุกเฉินเอราวัณดำเนินการตามขั้นตอนของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และเมื่อรถพยาบาลพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลบางมดมาถึงจึงเร่งให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใกล้เคียงทันทีอย่างเร่งด่วน
เบื้องต้นทราบจากญาติของนาย วิชัย ว่าตอนเกิดเหตุนาย วิชัยกำลังปั่นจักรยานออกไปซื้อของหน้าปากซอยแล้วหลังจากนั้นก็มีคนมาบอกว่านาย วิชัย โดนรถจักรยานยนต์ชนได้รับบาดเจ็บก็เลยรีบออกมาดูก็พบว่าเป็นแบบนี้แล้ว
และทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเร่งตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ส่วนสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ต้องรอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการดีขึ้นก่อน ถึงจะเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบถามรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป