ผู้การปากน้ำตั้งคณะกรรมสอบสวนแล้ว จากกรณีกลุ่มผู้เสียหายไปร้อง ทนายตั้ม
จากกรณี กลุ่มผู้เสียหาย 5 คน เข้าร้องเรียนกับทนายตั้ม ษิทธา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โดยอ้างว่าถูกนายตำรวจยศ รอง ผกก.สืบสวน กลั่นแกล้งให้รับโทษในคดียาเสพติด
นายษิทธา กล่าวว่า ผู้เสียหายทำธุรกิจจัดงานอีเวนท์และขายของออนไลน์ ยอมรับว่าช่วงปี 2551-2552 เคยต้องโทษคดียาเสพติดจริง แต่หลังจากพ้นโทษออกจากเรือนจำปี 2553 ก็ไม่ได้มีความยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเลย แต่ปรากฏว่า กลุ่มผู้เสียหายได้มีปัญหากับตำรวจสืบจังหวัดนายหนึ่งที่เปิดบ่อนไก่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากผู้เสียหายเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ่อนไก่อีกเจ้าหนึ่ง ทำให้ถูกกลั่นแกล้งไปด้วย โดยการนำทะเบียนราษฎร์ไปให้ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเซ็นสร้างหลักฐานเท็จ เชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติดที่จับกุมได้
นายษิทธา กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้เช็คกับตำรวจในพื้นที่ของโรงพักแห่งหนึ่งที่นายตำรวจคนนี้สังกัดอยู่ ยอมรับกับตัวเองว่า มีการกลั่นแกล้งให้ผู้ต้องหาคดียาเสพติดและฟอกเงิน เซ็นทะเบียนราษฎร์เพื่อนและคนใกล้ชิดเจ้าของบ่อนได้รวม 11 คน ให้เข้าไปเกี่ยวพันกับคดียาเสพติดจริง
ด้าน นายวัชรินทร์ ผู้เสียหาย เผยว่า มูลเหตุที่ถูกกลั่นแกล้งนอกจากเรื่องที่เพื่อนกับเจ้าของบ่อนไก่คู่แข่งทางธุรกิจของรองผู้กำกับสืบสวนแล้ว และอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่า เป็นเพราะตัวเองเคยพาคนไปร้อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบรองผู้กำกับสืบสวนคนนี้ในความผิดฐาน ม.157 เนื่องจากได้ข้อมูลจาก “นายแสงระวี” น้องที่รู้จักกัน เล่าว่า 17 พฤษภาคม 2567 ถูกหมายจับคดีฟอกเงิน และ พบยาเค จำนวนหนึ่ง ซึ่งทางรองผู้กำกับสืบกลับให้เซ็นทะเบียนราษฎร์กล่าวหาตัวเองแลกกับการไม่ดำเนินคดียาเสพติด เมื่อนายแสงระวี ถูกปล่อยตัวจึงมาเล่าเหตุการณ์ให้ตัวเองฟัง ตัวเองจึงพาไปร้องเรียนกับทาง ป.ป.ช.
ต่อมาปรากฏว่า รองผู้กำกับสืบสวน ยังคงกลั่นแกล้งตัวเองต่อเนื่อง ทราบว่า สามีนางวันเพ็ญคนในชุมชน ถูกจับกุมคดีฟอกเงิน และบังคับให้เซ็นกล่าวหาตัวเองและพวกร่วม 3คน จนท้ายที่สุดพี่ชายถูกหมายจับ ข้อหาจำหน่ายยาเสพติด และร่วมคบคิดกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยไปร้องเรียนกับผู้การจังหวัดสมุทรปราการ แล้วถึงสองครั้ง บอกเพียงว่าจะเคลียร์ปัญหาให้ และไม่ให้ออกสื่อใดๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ให้ความช่วยเหลือในวันนี้จึงเดินทางมาร้องเรียนทนายตั้ม
นายษิทธา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายทำธุรกิจหลายล้านบาท ไม่สอดคล้องกับ ข้อกล่าวหาที่ว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ขายกำไรเม็ดละ 10-20 บาท ซึ่งเบื้องต้นตัวเองมี คลิปเสียงในตำรวจที่เป็นพยานได้ว่ากลุ่มผู้เสียหายถูกกลั่นแกล้งจริงโดยในวันนี้จะพาตัวพี่ชายของผู้เสียหายไปมอบตัวที่ตำรวจสอบสวนกลาง และขอให้โอนสำนวนมาที่สอบสวนสวนกลางด้วย เพราะมองว่าหากพาไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
ล่าสุด เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ( วันที่ 28 สิงหาคม 2567 ) พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ในเรื่องที่มีบุคคลที่ไปร้องทนายตั้มว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยัดยาเสพติด ทางภูธรจังหวัดมีการรับเรื่องแล้ว อยู่ในระหว่างการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จ เขามาร้องเรียนในวันจันทร์ที่ผ่านมา วันนี้ทางนั้นเขาไปพบทนายตั้มและได้เอาเรื่องออกสื่อ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาก็ควรไปพบทนายแล้วก็พามามอบตัว อันนี้เป็นเรื่องที่ดี ตนชื่นชม ส่วนเรื่องที่ว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมก็อยู่ในระหว่างตั้งขณะกรรมการตรวจสอบ ทางเราให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว ตั้งแต่มีกรณีเคสแรกที่เขาเคยมาขอความเป็นธรรม เคสหลังคือพี่ชายหรือญาติของเขาที่ถูกออกหมายจับคดีสมคบเกี่ยวกับยาเสพติด ตนต้องนำเรียนว่า การดำเนินการของตำรวจภูธรจังหวัดเรื่องยาเสพติด เราก็มีการปราบปรามกันอย่างจริงจัง แล้วก็เข้มข้น มีการปิดล้อมตรวจค้นกันแทบจะทุกวัน และทุกคดีเราจะมีการขยายผล และการขยายผลจะมีชุดสืบสวนขยายผลของจังหวัด ซึ่งจะมีท่านรองผู้การเป็นหัวหน้าชุด และจะมีชุดสืบสวน ชุดสอบสวนทำหน้าที่เป็นผู้ขยายผล เราทำเป็นรูปขณะและมีการรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับคนที่เกี่ยวข้อง ก็แล้วแต่ ถ้าผิดเรื่องสมคบก็สมคบ ตัวการร่วมก็ตัวการร่วม มันมีขบวนการอยู่
ส่วนประเด็นคือตัวผู้ร้องหรือญาติผู้ร้องมีประเด็นเรื่องโกรธเคืองกับรองผู้กับกำท่านหนึ่งซึ่งก็อยู่ในชุดสืบสวนขยายผลด้วย ซึ่งมันมีประเด็นของเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว ตนมองว่าถ้าเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องงานหรือการปฏิบัติหน้าที่จริงอย่างว่ามันก็ผิดกฎหมาย คนที่ทำถ้าทำจริงก็ต้องถูกดำเนินคดี ถ้าสู้คดีหลุดเขาก็ต้องฟ้องกลับดำเนินคดี เรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษ แต่ตนยืนยันว่าการทำงานมันต้องทำเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขยายผลคดียาเสพติด ไม่ใช่การที่รองผู้กำกับทำคดีเพียงลำพัง อันนี้ไม่ใช่ ตนให้ความเป็นธรรมหมด ถ้าตำรวจทำความผิดก็ต้องยอมรับ ปั้นพยานเท็จ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มันก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนทางผู้ถูกกล่าวหาก็ขอให้เข้าสู่ขบวนการพิสูจน์ความผิดของตัวเอง ถ้าไม่ผิดก็ให้ดำเนินคดีทางชุดสืบสวนสอบสวนขยายผลได้ ไม่มีการตัดสิทธิ์อยู่แล้ว
ทุกครั้งที่มีการมาร้องขอความเป็นธรรมตนก็ให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว และตนก็กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติตลอดว่าเราทำงานต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ถ้าเราใช้กฎหมายในทางที่ผิด เราจะถูกดำเนินคดีเสียเอง และหนักกว่าประชาชนสองเท่า ตนจะช่วยเหลือให้ทุกอย่างเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม เข้าไปว่าด้วยพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นพยานหลักฐานเท็จ คือถึงแม้ว่าจะมีพยานซัดทอด มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนเดียว เพราะมันต้องมีพยานหลักฐานอื่นอีก จนทำให้ศาลเชื่อว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้กระทำความผิด เพราะศาลท่านไม่ได้มองแค่นี้ ต้องมีหลักฐานอื่น ๆ อีก พยานหลักฐานไม่เพียงพอท่านก็ไม่ออกหมายจับให้ ส่วนในกรณีที่มีการออกสื่อวันนี้ ทางเรามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเขามาร้องเรียนตั้งแต่วันจันทร์ ทางเรารับเรื่องหมด ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายไม่มีการเอนเอียง เพราะถ้าตนไม่ให้ความเป็นธรรมหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตนก็จะมีความผิดและโดนดำเนินคดีเหมือนกัน ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายหมด
***********************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ