เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 7 ก.ย.67นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางเข้ายื่นหนังสื่อกับ พระปลัดอิทธิพล เจ้าอาวาสวัดสายไหม รองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ให้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินส่วนตัวของพระอธิการสมบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม รวมไปถึงตรวจเส้นทางการเงิน เพื่อที่จะได้นำเงินจำนวนเกือบ 10 ล้านบาทมาคืนให้กับเศรษฐีนี
ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่าวันนี้ได้มายื่นหนังสือกับท่านรองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของเจ้าอาวาสวัดพืชอุดม และเส้นทางการเงินย้อนกลับไป 20 ปี รวมไปถึงเงินทำบุญเข้าวัดของญาติโยมว่า ได้มีเงินเข้าบัญชีไปยังของบุคคลใดและเข้าบัญชีวัดหรือไม่ รวมไปถึงรายรับรายจ่ายของวัด และบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาสทั้งหมด หากพบว่ามีเงินส่วนตัวนำไปซื้อของใช้ต่างๆนำเข้าวัด ก็จะต้องนำไปขายเพื่อนำเงินทุกบาททุกสตางค์คืนกับเศรษฐีนีเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างแก่วัดอื่นๆ เนื่องจากหลังจากเกิดเหตุการณ์ของวัดพืชอุดม ใกล้มีลูกเพจส่งข้อมูลแจ้งเข้ามาว่า ยังมีอีกรายวัดที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งตนไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น แต่เพื่อเป็นการจัดระเบียบวัดในประเทศไทย และไม่ให้ประชาชนนั้นเตือนศรัทธาในศาสนาพุทธ
ด้าน พระครูโสภณภัทรเวทย์ หรือพระครูอ๊อด เจ้าอาวาสวัดสายไหม รองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา กล่าวว่าหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทางคณะสงฆ์ได้มีการตั้งคณะกรรมการตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2567 เพื่อดำเนินการเจ้าคณะอำเภอตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า เจ้าอาวาสวัดพืชอุดมผิดพระสังฆาธิการหรือไม่ ก่อนจะส่งผลให้กับทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ดำเนินการพิจารณา หากผลออกมาผิดจริงก็จะมีการถอดถอนตำแหน่งเจ้าอาวาสออกและดำเนินคดีอาญาตามขั้นตอนกฎหมายในข้อหายักยอกทรัพย์ รวมไปถึงผู้ที่มีตำแหน่งในวัด เช่น ไวยาวัจกร กรรมการวัด ซึ่งทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมด้วย แต่หากในสำนวนสรุปว่าเป็นการให้ด้วยเสน่หา ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวปล่อยให้ไปฟ้องร้องกันเอง จึงขอให้ประชาชนไว้ใจได้ว่าคดีดังกล่าวจะไม่มีการปกป้องใครทั้งสิ้น เพราะคดีนี้ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสียในระหว่างช่วงดำเนินการตรวจสอบ หากเกินระยะ 7 วัน นับตั้งแต่ที่มีการตั้งคณะกรรมการ เจ้าคณะตำบลจะต้องทำการแต่งตั้งพระในตำบลเข้ารักษาราชการแทนเจ้าอาวาสวัดพืชอุดร เพื่อมาดูแลวัดในช่วงดำเนินการตรวจสอบเนื่องจากยังต้องคดีอยู่ ซึ่งตอนนี้ขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการและตำรวจ ว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าใด.