ข่าวพาดหัวตรวจสอบ

ผกก.สภ.คลองหอยโข่ง ตั้งกรรมการสอบหมู่จักร เกี่ยวพันธุรการขายสินค้า ดิ ไอคอน เผยเบื้องต้นไม่พบทำผิด ขายไปตามระบบบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้อง และไม่ได้หลอกลวงใคร

16-10-67 พี่เสือ นักข่าวสงขลา
ผกก.สภ.คลองหอยโข่ง ตั้งกรรมการสอบหมู่จักร เกี่ยวพันธุรการขายสินค้า ดิ ไอคอน เผยเบื้องต้นไม่พบทำผิด ขายไปตามระบบบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้อง และไม่ได้หลอกลวงใคร
จากกรณีสื่อโซเชี่ยยลเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตำรวจชั้นประทวน ยศ ส.ต.อ. ของ สภ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่ายของบอสพอล หรือ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่กำลังเป็นข่าวดัง และสามารถทำยอดขายสูงได้ทั้งทริปไปท่องเที่ยวยุโรปหลายประเทศ รวมทั้งได้รางวัลเป็นรถเบ๊นซ์ป้ายแดง และยังเป็นโค๊ชสอนการขายผ่านทางออนไลน์ให้กับคนที่สนใจด้วยนั้น


ล่าสุดวันที่ 16 ต.ค. 67 ที่ สภ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องราวดังกล่าวกับทาง พ.ต.อ.ชาตรี รัตนคช ผกก.สภ.คลองหอยโข่ง เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง รวมทั้งตนที่เป็นหัวหน้าสถานี ได้ทำการตรอบสวบสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นแล้ว
โดยตำรวจนายดังกล่าวคือ ส.ต.อ.รนวรรธน์ นิมิสวิน หรือ หมู่จักร ผู้บังคับหมู่ ปฏิบัติหน้าที่งานธุรการ สภ.คลองหอยโข่ง และรับราชการมาราว 6 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ปกติก็ชอบขายของ ขายเสื้อผ้ามือสอง และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อยู่แล้ว หรือรักการขาย และเป็นเป็นรายได้เสริม
กระทั่งราวปี 63 ที่ผ่านมา ได้พบธุรกิจเครือข่ายของ ดิ ไอคอน จึงมีความสนใจ จึงเข้าไปศึกษาในรายละเอียด โดยการเข้าคอร์สอบรมต่างๆ ที่ทางบริษัทจัดขึ้น รวมทั้งเช็คดูแล้วว่า ทั้งบริษัท และตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็มีอยู่จริง และจดทะเบียนถูกต้อง จึงตัดสินใจเข้าร่วม เนื่องจากตนเองก็พอมีเพื่อนๆ และคนรู้จักจากการของต่างๆ มาก่อนหน้าแล้วด้วย
โดยทราบว่า ได้ลองสั่งสินค้ามาขายทั้งการเปิดบิลเริ่มต้น 2,500 บาท 25,000 บาท ไปจนถึงระดับสูงที่ 250,00 บาท ซึ่งมีทีมงานระดับรองลงมาจากหมู่จักร อีก 4 คน และมีทั้งลูกค้าและลูกข่ายอีกหลายร้อยคน ซึ่งการเปิดบิลซื้อของมาขายในแต่ละครั้ง หมู่จักร ก็จะเป็นคนสำรองจ่ายเงินไปเองทั้งหมด ไม่ได้มีการเรียกเก็บล่วงหน้าจากลูกทีมเหมือนกับบางทีมแต่อย่างใด
โดยเฉพาะการเปิดบิล 250,000 บาท ที่เปิดมาราว 3-4 ครั้ง นั้น กว่าจะขายสินค้าได้หมดก็ต้องใช้เวลานานราว 7 เดือน และได้กำไรราว 70,000 บาท เท่านั้น และล็อตล่าสุดที่สั่งไปก็ยังไม่ได้สินค้าจากทางบริษัทมาเลย เพราะ เกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน โดยสินค้าที่หมู่จักร สั่งมาขายส่วนใหญ่มีแค่ 4 รายการ จาก 11 รายการ ที่ทางบริษัทขายอยู่ คือ เซรั่ม ครีมหน้าขาว กาแฟ และคอลลาเจน
พ.ต.อ.ชาตรี รัตนคช ผกก.สภ.คลองหอยโข่ง กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเปิดคอร์สอนการขายหรือเป็นโค๊ชการขายนั้น จากการสอบถามหมู่จักร ทราบว่า ตนเองขายสินค้าได้ดี ทางหัวหน้าทีมที่อยู่ในระดับสูงกว่าได้เชิญไปให้บอกเล่าประสบการณ์ และเทคนิคการขายแค่บางช่วงบางตอนเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนเปิดสอน หรือเป็นเจ้าของคอร์สนั้นๆ เอง
ขณะที่เรื่องของรถเบ๊นซ์ที่มีข่าวว่า ทางบริษัทมอบเป็นรางวัลให้นั้น จากการสอบถามทุกคนตั้งแต่ทำงานมา ก็ไม่มีใครเคยเห็นหมู่จักร ขับรถเบนซ์เลย เพราะ ปกติก็เป็นคนเรียบง่ายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องทริปท่องเที่ยวต่างประเทศในยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส และออสเตรีย ที่ปราฎในสื่อโซเชี่ยล ก็เป็นการบินไปนาน 2-3 ปี แล้วเช่นกัน ซึ่งหมู่จักร บอกว่า เป็นแพคเกจที่พ่วงมากับการเปิดบิล 250,000 บาท ที่จะได้สิทธิ์ไปเที่ยวยุโรป


ผกก.สภ.คลองหอยโข่ง กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมี พ.ต.ท.นพดล ดิเรกวัฒนสาร รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.คลองหอยโข่ง เป็นประธานกรรมการ พร้อมด้วยนายตำรวจระดับสัญญาบัตรอีก 2 นาย โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จใน 7 วัน และจะมีการายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับต่อไป
ทั้งนี้ ผกก.สภ.คลองหอยโข่ง กล่าวด้วยว่า ในส่วนของหมู่จักร ขณะนี้ยังไม่มีความความผิดอะไร เพราะ ทำไปตามรูปแบบของบริษัทที่มีการจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย และเท่าที่ทราบ ก็ยังไม่ได้มีการไปหลอกลวงใคร ซึ่งหากมีทางผู้เสียหายก็จะต้องไปแจ้งความ เพื่อดำเนินการในทาวอาญา แต่ในทางวินัยก็อาจจะมีความไม่เหมาะสมบางอย่าง แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง เช่น การสวมเครื่องแบบโพสต์คูกับผลิตภัณฑ์เท่านั้น
อีกทั้งหมู่จักร เอง ก็อาจจะตกเป็นหนึ่งในผู้เสียหายด้วยเช่นกัน เพราะ เปิดบิลไปกับบริษัทแล้ว แต่ยังไม่ได้รับของ และไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวจะสูญไปหรือไม่ และสภาพจิตใจตอนนี้ค่อข้างย่ำแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมไปต่างๆนาๆ ซึ่งมีเพียงตนและไม่กี่คนที่พอจะเป็นที่รับฟังเรื่องราวของหมู่จักร