บรรยากาศงานสวดพระอภิธรรมศพ หนุ่มจิตอาสาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดสะพานลอย จนตัวเองต้องตายแทน
วันที่ 16 ตุลาคม 2567
เวลา 18.30 น.
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปร่วมงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพ นาย เอกชัย เลิศพันธุ์ อายุ 52 ปี หนุ่มจิตอาสา ช่วยเหลือคนจนตัวเองต้องตายแทน จากเหตุการณ์ชายทำร้ายตนเองด้วยการกระโดดจากสะพานลอย หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านถนน ประชาอุทิศ ที่วัดสารอด ศาลา 6 ซอย สุขสวัสดิ์ 44 ถนน สุขสวัสด์ เเขวง ราษฎร์บูรณะ เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ซึ่งคืนนี้เป็นคืนสวดพระอภิธรรมศพ ของนาย เอกชัย เป็นคืนที่ 2 ซึ่งภายในคำคืนนี้ได้มีตัวแทนจากหน่วยงานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และ กู้ชีพบูรณะ รวมทั้งหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยชุดใต้ 13 แล้วตัวแทนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ได้มาเข้าร่วมฟังสวดพระอภิธรรมศพ ซึ่งบรรยากาศในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของบรรดาเพื่อน และญาติสนิทของ นาย เอกชัย หนุ่มจิตอาสา ซึ่งมีหัวใจของจิตอาสาที่แท้จริงโดยการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แล้วการจากไปของ นาย เอกชัย ในคราวนี้นำมาซึ่งความเสียใจให้กับครอบครัวของตัวเขาเอง และเพื่อนๆ แต่ยังมีส่วนลึกๆภายในใจของทุกคนก็คือความภาคภูมิใจที่นาย เอกชัย ได้ทำหน้าที่จิตอาสา พลเมืองดี อย่างที่เขาตั้งใจทำมาตลอดกว่า 20 ปี จนวาระสุดท้ายของชีวิตเขา ตรงนี้แหละที่ครอบครัวของเขา และเพื่อนๆของเขาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นต้นแบบของจิตอาสา ที่ไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทนโดยแท้จริง
และจากการสอบถาม นาย ประวิทย์ ลายเขียน อายุ 49 ปี หัวหน้าจุดบรรเทาสาธารณภัยชุดใต้ 13-22 กล่าวว่า ในการทำงานของพี่เอกสมัยก่อนเขาเป็นร่วมกตัญญูมาก่อนเป็นอาสาร่วมกตัญญูสระบุรี พอทีนี้เขาย้ายมาอยู่ฝั่งนี้เขาก็เลยไม่ได้ต่อรหัสของทางสระบุรี แล้วเขาก็มาสุงสิงอยู่กับตน ซึ่งตนเป็นบรรเทาคือดับไฟอย่างเดียวแล้วตนก็จะนั่งกันอยู่ตรงบริเวณใต้ทางด่วน กม.9 เขาก็จะวนเวียนมาหาทุกวันมาแรกๆเขาปั่นจักรยานมา แล้วในเมื่อไปมาหาสู่กันบ่อยๆเขาก็อยากจะเป็นบรรเทา ตนก็กำลังเตรียมที่จะให้เขาเข้ามาอยู่ในหน่วยงานของตน แล้วเขาก็ได้รหัสบรรเทา เขาก็วิ่งไปมาหาสู่กับตนทุกวัน แล้วเวลาเจอเหตุเขาก็จะแจ้งเป็นรหัสของหน่วยงานของตน และในวันที่เกิดเหตุตนได้ยินแล้วว่ามีคนจะกระโดดจากสะพานลอยอยู่หน้าโรงเรียน แล้วสักพักก็มีคนโทรมาบอกตน ว่าพี่เอก อยู่ดีๆก็น๊อคไปเลยเป็นอะไรก็ไม่รู้ให้มาดูหน่อย ตนก็เลยวิ่งไปดู อาสาสมัครที่อยู่ตรงนั้นก็เอาทั้งคนที่บาดเจ็บจากการกระโดดสะพาน แล้วก็เอาพี่เอก ไปส่งโรงพยาบาลกันแล้ว และอีกสองนาทีให้หลังทางอาสาร่วมกตัญญูโทรมาบอกตนว่าปั้มหัวใจไม่ขึ้น เขาตายแล้วตนก็ งง ว่าอ้าวไปช่วยเขาแต่ตัวเองดันตายซะงั้น แต่ตัวคนเจ็บดันรอด ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาเป็นจิตอาสา 100% อย่างไรเขาก็เป็นอาสา จะเหตุการณ์ตอนไหนเขาก็วิ่งไปทุกที่ หน่วยงานตัวเราเองก็ไม่มีเงินช่วยทำศพ ก็เลยรวบรวมกันเอาเอง เขาก็ดีนะเขาไม่วุ่นวายอะไรกับใครถึงเวลามีเหตุเขาก็ออกมาช่วยตลอด เขาก็ทำงานเเล้วเขาก็เป็นอาสาด้วย เป็นอาสามาหลายปีแล้ว เขาก็เป็นคนไม่ค่อยมีตังค์หรอกแต่วันไหนเขามีเขาก็ซื้อน้ำมาเลี้ยงพวกตนตลอด ถ้าเวลาเขามีอะไรพวกเราก็จะช่วยเขาแบบเต็มที่แต่ตังค์ของตนก็ไม่ค่อยมีหรอก ถึงตนจะเป็นหัวหน้าบรรเทาก็จริง แต่ว่าในนามกลุ่มของตนก็จะมีเลี้ยงเด็กหลายๆคน แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยประชาสัมพันธ์ลงทางเฟสเพื่อระดมทุนมาช่วยงานศพ และที่เหลือก็จะมอบให้กับทางแม่ของพี่เอก
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางมาพบกับนางสาว ลำพัน อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนาย อุทัย อายุ 42 ปี ผู้ทำร้ายตนเองด้วยการกระโดดจากสะพานลอย ซึ่งบ้านพักของนาย อุทัย นั้นอยู่ภายในซอย ประชาอุทิศ 33 แยกย่อยซอยที่ 7 ถนน ประชาอุทิศ แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เมื่อผู้สื่อข่าวได้พบกับภรรยาของนาย อุทัย จึงได้สอบถามถึงอาการบาดเจ็บของผู้เป็นสามีว่าเป็นเช่นไรส่วนทางด้าน นางสาว ลำพัน กล่าวว่า ตอนนี้อาการบาดเจ็บของ นาย อุทัย มีอาการกระดูกหักทั้งตัวแล้วต้องใส่สายระบายปอด แล้วพรุ่งนี้ต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกรอบนึง ส่วนสาเหตุที่ นาย อุทัย ไปกระโดดสะพานมาจากความเครียดจากโรคประจำตัวที่เขามีอยู่ก่อนหน้านี้แล้วซึ่งเขาเป็นโรคตับ โรคไตที่ยังไม่ได้ฟอกอยู่ในขั้นตอนการกินยารักษาอาการ เมื่อก่อนเป็นคนดื่มเหล้ามากจึงทำให้มีโรคเหล่านี้เข้ามารุมเร้า ก็เลยทำงานไม่ได้เหมือนคนปกติ ตรงนี้ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดสะสมจึงทำให้คิดสั้นแล้วไปก่อเหตุก็อาจจะเป็นไปได้ ส่วนเหตุการณ์ในวันนั้นตนยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกัน แล้วตนมารู้ว่า นาย อุทัยไปกระโดดสะพานก็ตอนที่มีคนวิ่งเข้ามาตามถึงหน้าบ้านแล้ว ส่วนเรื่องของอาสาสมัครที่ไปช่วยแล้วเสียชีวิต ตรงนี้ตนรู้สึกเสียใจ แล้วอยากจะบอกกับทางญาติว่าขอโทษ