17-10-67 พี่เสือ นักข่าวสงขลา
อดีตผู้กำกับแจ้งความทนายช.ทนายดังสงขลาและร.ต.อ.อดีตตำรวจนักแฉที่เสียชีวิตไปแล้ว ร่วมกันกรรโชกและรีดเอาทรัพย์นับ10ล้านบาทแลกกับการจบเรื่องปิดข่าว2คดี
วันนี้(17ต.ค.67)ที่สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.สุรพงศ์ กิตติธิรางกูร อดีตผู้ ทนายความคนหนึ่งในจ.สงขลา และร.ต.อ.ว อดีตตำรวจที่เสียชีวิตไปแล้ว
ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชก และรีดเอาทรัพย์นับ10 ล้านบาทแลกกับการไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และไม่นำเรื่องคดีที่ถูกฟ้องร้องไปเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนและเป็นการข่มขู่รีดไถเงินจากนายตำรวจถึง2 นาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 ถึงเดือนเมษายน 2562
โดยเหตุการณ์แรกได้ข่มขู่รีดไถเงินจากนายตำรวจยศร.ต.อ.ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสายตรวจสภ.หาดใหญ่
เรื่องมีอยู่ว่าทนายช.และร.ต.อ.ว ได้นำผู้เสียหายคนหนึ่งที่เคยถูกร.ต.อ.อดีตหัวหน้าสายตรวจสภ.หาดใหญ่ จับกุมดำเนินคดีข้อหายาเสพติดเพราะผลตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดแต่ภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง
ทางทนายช. และร.ต.อ.ว จึงอาสานำผู้เสียหายคนนี้ไปร้องเรียนว่าถูกร.ต.อ.อดีตหัวหน้าสายตรวจสภ.หาดใหญ่ กับพวกกลั่นแกล้งยัดข้อหายาเสพติด จนมีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย และยังมีการนำเรื่องนี้ไปออกสื่อหลายสำนักและทางโซเชียลมีเดีย
และยังเรียกเงินจำนวน 5 ล้านบาท แลกกับการไม่ฟ้องคดีแพ่งและอาญา ส่วนคดีวินัยก็จะไม่ดำเนินการต่อ และยุติการเผยแพร่ข่าว โดยอ้างว่าต้องนำไปจ่ายให้กับผู้เสียหาย 1 ส่วน, ให้นักข่าว 1 ส่วน ให้ ร.ต.อ.ว 1 ส่วนและทนายช.อีก 1 ส่วน
แต่ว่าสุดท้ายแล้วร.ต.อ.อดีตหัวหน้าสายตรวจสภ.หาดใหญ่กับพวกไม่จ่ายตามที่เรียกมาจึงถูกฟ้องร้อง ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง และภายหลังคดีนี้ศาลได้ยกฟ้อง
ส่วนเหตุการณ์ที่่2 เป็นการข่มขู่รีดไถเงิน 10-20 ล้านบาท จากพ.ต.อ.สุรพงศ์ กิตติธิรางกูร อดีตผู้กำกับ ในคดีที่ถูกฟ้องร้องเรื่องชู้สาว แลกกับการไม่นำเรื่องไปเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชน โดยอ้างว่าจะนำไปแบ่งให้ทั้งนักข่าว ทนายช.และร.ต.อ.ว แต่ว่าสุดท้ายแล้วคดีนี้ศาลก็ยกฟ้องเช่นกัน
พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าวว่า การกระทำของ ทนายช.และร.ต.อ.ว อดีตตำรวจซึ่งแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว เป็นการร่วมกันกระทำผิด จำนวน 2 กรรม คือ ข่มขู่รีดไถเงินจากร.ต.อ.อดีตหัวหน้าตำรวจสายตรวจ สภ.หาดใหญ่และข่มขู่รีดไถเงินจากตน เป็นความผิดฐานร่วมกันกรรโชก และรีดเอาทรัพย์
จึงนำมาสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับ ทนายช.และร.ต.อ.ว ในวันนี้ เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและดำเนินคดีไปตามกฎหมาย
สำหรับในส่วนของทนายช.คนนี้ เคยถูกทางคณะกรรมการมรรยาทนายความพิจารณาลงโทษภาคทัณฑ์กรณีนำข้อเท็จจริงในคดีที่พ.ต.อ.สุรพงศ์ ถูกฟ้องร้องเรื่องชู้สาวไปเผยแพร่ต่อสื่อสาธารณะ ซึ่งยังไม่มีการพิจารณาในศาลว่าจริงหรือเท็จ เข้าข่ายเป็นการประจานคู่ความนอกเหนือจากกระบวนการยุติธรรมที่ผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณของผู้ประกอบอาชีพทนายความ