ช่างก่อสร้างเข้าเกียร์คาไว้ ลืมตัวสตาร์ทรถทีเดียวรถพุ่งชนคนแขนเกือบขาดหวิดดับใต้ท้องรถ ย่านวังหลัง
วันที่ 31 มกราคม 2564 เวลา 20.30 น. พ.ต.ต. วศิน ธโนภาสรัตน์ สว.(สอบสวน) สน.บางกอกน้อย ได้รับรายงานว่ามีอุบัติเหตุรถชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ใต้ท้องรถ จึงรีบรุดจัดกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครกู้ภัยมาถึงที่เกิดเหตุ ภายในซอยวังหลัง 22 ถนน อรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขต บางกอกน้อย จังหวัด กรุงเทพมหานคร จึงพบเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ สตาร์ด้า รุ่น LG200 สีน้ำเงิน ทะเบียน ลต1895 กรุงเทพมหานคร ในสภาพด้านหน้าบริเวณกันชนพังเสียหาย แล้วไปเฉี่ยวชนกับ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น คลิ๊ก สีดำ ทะเบียน รวษ 323 กรุงเทพมหานคร ในสภาพล้มระเนระนาดพังเสียหายยับเยิน อยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งภายในซอยแยกย่อยซอยวังหลังแยก 12 ซึ่งห่างจากปากซอยทางเข้าเพียง 50 เมตร แล้วบริเวณใต้ท้องรถกระบะคันดังกล่าวยังพบกับผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อนาย วิมนต์ อายุ 69 ปี ซึ่งมีอาการสาหัสมีบาดแผลเปิดขนาดใหญ่บริเวณแขน และมีบาดแผลฉกรรจ์ หลายแห่ง นอนหายใจรวยรินร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดทรมาน รอคอยการช่วยเหลืออยู่ อาสาสมัครจึงรีบรุดจัดอุปกรณ์เร่งรัดนำร่างผู้บาดเจ็บออกมาจากใต้ท้องรถแล้วเร่งรีบให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ แล้วส่งมอบให้กู้ชีพในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เอราวัณ นำส่งไปรักษาพยาบาลต่อที่โรงพยาบาลศิริราชต่อทันทีอย่างเร่งด่วน
ส่วนทางด้านนาย มานพ อายุ 27 ปี เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว และตนยังได้รับบาดเจ็บกับเหตุการณ์ครั้งนี้แต่ว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาการบาดเจ็บที่ได้รับเพราะรถกระบะพุ่งชนแต่กระโดดหลบหนีได้ทัน บอกเล่าว่า เค้ากำลังจะเลื่อนรถ ผมก็จะขยับรถมอไซค์ให้ แล้วรถคันนี้เจ้าของเค้าเข้าเกียร์ไว้ แล้วคงจะไม่รู้ ผมก็บอกเขาไม่ทันว่ามีรถอยู่ข้างหน้า เค้าขึ้นไปสตาร์ทรถก็พุ่งเลย ส่วนทางด้านนาย รุ่งรัตน์ อายุ 43 ปี เป็นคนขับรถกระบะคันเกิดเหตุ บอกว่า ผมขึ้นไปสตาร์ทแล้วรถก็พุ่งไปเลย ผมก็ไม่รู้ว่าใส่เกียร์ไว้อยู่ ส่วนทางนาย นาคนัย อายุ 39 ปี อาชีพขับมอไซค์วิน คนเห็นเหตุการณ์บอกว่า คนเจ็บกำลังจะเข็นมอไซค์หลบให้รถกระบะเข้ามาจอด แล้วคนขับขึ้นรถไปสตาร์ทปุ๊ป รถพุ่งชนเลย คนเจ็บจึงโดนทับอยู่ใต้ท้องรถ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้บันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้ทั้งหมด และสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ แล้วนำรถจักรยานยนต์ที่เสียหาย ทั้งหมดไปตรวจสอบที่ สน. เพื่อจดบันทึกความเสียหายไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีต่อไป แล้วจะลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพร้อมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้ง ส่วนเรื่องคดีทางกฎหมาย ต้องรอให้อาการของผู้บาดเจ็บหายดีก่อนหรือพอจะให้การกับทางเจ้าหน้าที่ได้ถึงจะเรียกมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกครั้ง แล้วถึงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.