ชุมพร – สาวทอม ขยี้แม่ลูก 3 ศพ เบี้ยวนัดไกล่เกลี่ยครั้งที่ 3 เอาแล้วสรุปผลตรวจเลือดหมอไม่รับรองผล เนื่องจากต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์มิลลิกรัม หลังเกิดเหตุหนีหายไปนาน 8 ชั่วโมง แล้วดอดมอบตัวตำรวจ แต่ผู้กำกับฯยืนยันยังมีผลจากการเป่า สามารถคำนวณย้อนหลังได้ เหยื่อ 3 ศพ เผยไม่ขอเจรจาอีกแล้ว ว่ากันไปตามกฎหมาย
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514
จากกรณี นางเย็นจิตร รัตนภา อายุ 52 ปี นายกฤตเมธ รัตนภา อาบุ 16 ปี นักเรียชั้น ม.4 และ ด.ญ.บุณยานุช รัตนาภา อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ได้ถูก นางสาวจิรันธนิน แตงขาว อายุ 30 ปี ขับรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อ BMW ป้ายประมูล หมายเลขทะเบียน กจ 44 นครศรีธรรมราช ขับด้วยความเร็สูงว 207 กม./ชม. พุ่งชนท้ายขณะสามแม่ลูกขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ รุ่นเวฟ 110 ไอ หมายเลขทะเบียน 1 กณ 9257 ชุมพร จนเสียชีวิตทั้ง 3 แม่ลูก ขณะแม่ขับไปรับกลับจากเรียนพิเศษ ส่วนสาวที่เป็นคนขับรถ BMW ได้ขอให้ชาวบ้านละแวกเกิดเหตุช่วยหาแมวสายพันธุ์ต่างประเทศจนเจอ แล้วทิ้งรถเก๋งคันหรูอุ้มพาแมวหลบหนีหายไปกับความมืด เหตุเกิดเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.67 ที่ผ่านมา และได้เก็บศพไว้ที่มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ จนกว่าคดีจะได้รับความเป็นธรรม กลายเป็นข่าวดรามาในสังคมออนไลน์ตามมามากมาย ตามข่าวที่เสนอนั้น
กรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 25 ธันวาคม 2567 นายประกฤษณ์ รัตนภา อายุ 50 ปี หัวหน้าครอบครัวผู้สูญเสียลูกและเมีย 3 ศพ พร้อมกับญาติ ได้เดินทางมาที่จัดเก็บศพลูกและเมียทั้ง 3 ศพ ณ มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ โดยซื้อข้าวมันไก่ร้านที่เมียลูกชอบทานมาให้ พร้อมจุดธูปบอกกล่าวถึงการในครั้งนี้ ว่าได้มาเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ นายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.ชุมพร ได้ทำหนังสือเชิญ น.ส.จิรธนิน แตงกวา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 67 ให้มาประนีประนอมข้อพิพาทเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากการกระทำความผิดทางอาญา โดยระบุวันนัดหมาย เวลา 13.30 น.ของวันที่ 25 ธันวาคม 67 ณ สำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร
โดยนายประกฤษณ์ ได้ยกมือไหว้พร้อมอธิษฐานให้ภรรยาและลูกทั้งสองช่วยดลจิตดลใจ ให้การเกลี่ยไกล่ในครั้งนี้ตกลงกันได้ด้วยดี เพื่อจะนำเมียและลูก ไปทำการฌาปนกิจตามประเพณี เพื่อจะได้ไปผุดไปเกิดเสียที
นายประกฤษต์ รัตนภา ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าวันนี้ทางอัยการได้ทำหนังสือเชิญตัว น.ส.จิรันธนิน คู่กรณีที่จับรถบีเอ็มชนเมียลูกเสียชีวิตมาไกล่เกลี่ยในการเยียวยาในเวลาบ่ายโมงครึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาสองครั้งทางคู่กรณีก็ยังไม่มีความจริงใจที่จะมาไกล่เกลี่ยเลย และในใจตนเองก็ยังเชื่อว่าในวันนี้คู่กรณีก็ยังไม่มีเช่นเดิม และหลังจากนี้หากยังไม่มีอีกก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของทนายแก้ว ที่จะดำเนินฟ้องร้องต่อไป
ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น.นายประกฤษณ์ รัตนภา พร้อมญาติๆได้เดินทางมาที่ สำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร เพื่อเข้าพบทางนายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.ชุมพร ตามนัดหมาย เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเยียวยาค่าสินไหม กับคู่กรณีคือ น.ส.จิรันธนิน แตงกวา ผู้ต้องหาขับรถยนต์เก๋ง บีเอ็มชนสามแม่ลูกเสียชีวิต เพื่อจะได้พูดคุยไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง แต่ผลปรากฎว่า น.ส.จินันธนิน หรือตัวแทน ไม่ได้เดินทางมาตามนัดหมายแต่อย่างใด
นายณัฐพงศ์ บุญทองคง อัยการ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จ.ชุมพร ได้เปิดเผยหลังจากที่ใช้เวลาพูดคุยกับนายประกฤษณ์ และญาติ กว่า 1 ชั่วโมงว่า สำหรับการไกล่เกลี่ยในครั้งนี้คู่กรณีไม่มา เนื่องจากทาง น.ส.จิรันธนิน ได้แจ้งมาว่าไม่สามารถเดินทางมาได้ สืบเนื่องมาจากอยู่ระหว่างการรวบรวมทรัพย์สินเพื่อนำมาเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิทธิของทางคู่กรณีที่จะมาหรือไม่ก็ได้ และทั้งนี้ ทางนายประกฤษณ์ เองหลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว สรุปได้ว่าจะไม่ประสงค์ที่จะเชิญตัวคู่กรณีมาเจรจาไกล่เกลี่ยอีกต่อไปแล้ว ซึ่งก็จะมอบหมายให้ทางทนายความดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับ น.ส.จิรันธนิน ในชั้นศาลต่อไป
นายอธิวัฒน์ เนียมมศรี ทนายมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เข้ามาช่วยเหลือและช่วยดูแลคดีดังกล่าว เล่าว่า ทางผู้เสียหายได้รับคำชีแจงจากท่านอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี และกำลังจะเดินทางไปที่ สภ.เมืองชุมพรเพื่อเข้าพบกับ พ.ต.อ. ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพรถึงความคืบหน้าของคดีว่าไปถึงไหนและเป้นอย่างไรแล้วของคดีนี้ ในสำนวนพยายหลักฐานพร้อมที่จะเอาผิดผู้กระทำความหรือยังและยังได้คำแนะนำจากท่านอัยการ เกี่ยวกับข้อกฎหมายและแนวทางการดำเนินคดี ว่าผู้เสียมีสิทธิ์อะไรบ้าง ที่สมควรจะได้รับ ในทางกฎหมาย
ต่อมาทางนายประกฤษณ์ พร้อมญาติ ได้เดินทางมาพบ พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี เนื่องจากตนเองและครอบครัวตลอดจนประชานทั่วไปที่สนใจในคดีนี้ รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม อีกทั้งหวั่นว่าทางคู่กรณีจะใช้เส้นสายล้มคดีจากหนักให้เป็นเบา
พ.ต.อ.ปัญญา ได้กล่าวกับนายประกฤษณ์ และญาติ ต่อหน้านักข่าวที่เดินทางมาตามทำข่าวในคดีนี้ ซึ่งเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก ว่าขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยาน หลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลจนครบรอบด้านแล้ว และได้สรุปสำนวนเตรียมฟ้องศาลได้แล้ว เพียงแต่วันนี้ ทราบว่ามีการนัดมาไกล่เกลี่ยค่าสินไหม ซึ่งเป็นคดีแพ่ง จึงรอว่าข้อตกลงเป็นอย่างไรเพื่อนำมาประกอบคู่กับสำนวนคดีอาญา ในการส่งฟ้องศาลในครั้งเดียวกัน แต่เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ ทางพนักงานสอบสวน ก็จะปิดสำนวนพร้อมส่งศาล คาดว่าหลังปีใหม่ ประมาณวันที่ 7 มกราคม 2568 แต่ทั้งนี้ก็จะพยายามดูวันที่เหมาะสมอีกครั้ง และขอยืนยันว่าให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ตำรวจจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่กดดันแต่อย่างใด ประกอบกับทาง ผบ.ตร.ได้ติดตามและกำชับเร่งรัดคดีให้ครอบคลุมรอบด้านที่สุดเพื่อจะได้คลี่คลายคดีสร้างความกระจ่างให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
พ.ต.อ.ปัญญา ยังกล่าวว่าสำหรับข้อหานั้นทางพนักงานสอบสวน ได้ดำเนินคดีในข้อหา ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย,ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ,ขับรถขณะมึนเมา ,ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ,ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, และหลบหนีไม่ให้ความช่วยเหลือ โดยทาง น.ส.จิรันธนินให้การรับสารภาพทั้งหมด แต่ให้การปฏิเสธในข้อหาหลบหนี ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาทั้งนี้ก็อยู่ที่ศาลว่าจะพิพากษาออกมาอย่างไร แต่ขั้นตอนที่จะถึงชั้นศาล ทุกถ้อยคำในสำนวนทางอัยการจังหวัด ก็จะตรวจสอบกลั่นกรองอีกครั้งเพื่อให้รัดกุมที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลเลือดของผู้ต้องหาที่ส่งไปตรวจออกมาหรือยัง พ.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่าเรื่องผลเลือดเอาตรง ๆเลยนะ เนื่องจากว่าตัวของผู้ต้องหาหรือคู่กรณีได้เข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุนานประมาณ 8 ชั่วโมง ทางตำรวจได้เป่าปริมาณแอลกอฮอล์ทางลมหายใจแล้วค่าวัดได้อยู่ที่ 29 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่เวลาส่งเลือดไปตรวจปรากฎว่าค่าปริมาณในเลือดมันน้อยต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์มิลลิกรัม เมื่อต่ำกว่า 20 แล้วทางแพทย์จะไม่รับรองผล นี่คือหลักการของทางการแพทย์ที่ตอบมาอย่างนี้
พ.ต.อ.ปัญญา กล่าวต่อว่าแต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียหายคดี ต้องเข้าใจความหมายนะ เพราะว่าเราได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ด้วยวิธีเป่าทางลมหายใจไปแล้ว มันก็จะก็จะมีสูตรในการคำนวณตามประกาศของแพทย์สภาว่า สามารถคำนวณย้อนหลังได้ว่าหลังจากที่เป่าแล้วห่างกันจากช่วงเกิดกี่ชั่วโมง จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้