จ.จันทบุรี บูรณาการติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง มั่นใจน้ำต้นทุนเพียงพอ วอนเกษตรกรแบ่งปันและใช้น้ำอย่างประหยัด น้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับใช้ในการประกอบอาชีพ
วันนี้ ( 4 ก.พ.64 ) ที่คลองส่งน้ำ ฝายน้ำล้นหน้าที่ทำการเขื่อนคิรีธาร อ.ขลุง จ.จันทบุรีนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำได้นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผอ.ปภ.เขต 17 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ตัวแทนเกษตรกร กลุ่มผู้ใช้น้ำลุ่มน้ำเม่น้ำจันทบุรีลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง รับทราบปัญหา อุปสรรค บริเวณต้นแม่น้ำจันทบุรีภายหลังจากที่จังหวัดได้ปรับแผนทดลองปล่อยน้ำจากเขื่อนคิรีธารจากเดิมที่ปล่อยน้ำเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 1 เครื่องในเวลา 13 ชั่วโมง ปริมาณน้ำ 260,000 ล้านลูกบาตรเมตรเป็น ปล่อยน้ำ เพื่อเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 2 เครื่องพร้อมกันแต่ใช้ระยะเวลา 6 ชั่วโมงครึ่ง
เพื่อให้มวลน้ำจำนวน 260,000 ล้านลูกบาตรเมตรมีพลัง ไหลได้แรงและเร็วขึ้นก็จะผลักดันมวลน้ำลงมาถึงด้านล่างเป็นการลดผลกระทบป้องกันแก้ไขภัยแล้งได้อีกระดับหนึ่งซึ่งผลการทดลองปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ มวลน้ำด้านบนสามารถลงมาถึง ตำบลฉมัน อ.มะขาม และเพิ่มประมาณน้ำในฝายท่าระม้า คาดอีก 2 วันมวลน้ำจะข้ามจากฝายท่าระม้าลงมาเติมในแม่น้ำจันทบุรีเพื่อเป็นแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติมน้ำจากเขื่อนพลวงเขาคิชฌกูฎ ที่ใช้สำหรับผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงประชาชนในเขตอำเภอเมือง แต่ถ้าหากการทดลอง 7 วันไม่บรรลุตามแผนก็จะได้มีการปรับแผนบริหารจัดการน้ำอีกครั้ง ณ วันนี้ ทั้งเขื่อนพลวง และ เขื่อนคิรีธารมีน้ำต้นทุนที่เพียงพอภายใต้การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบอย่างไรก็ตามขอให้เกษตรกรอย่าประมาทและต้องช่วยกันประหยัดน้ำและแบ่งปันน้ำให้ทั่วถึง เป็นห่วงในอนาคตที่สวนผลไม้เพิ่มขึ้นทุกปีโดยเฉพาะทุเรียนเพราะมีราคาดี ปีนี้มีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นอีก 1 หมื่นกว่าไร่ ดังนั้นขอให้ชาวสวนผลไม้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชา มาปรับใช้ในการทำสวนผลไม้คุณภาพอย่างยั่งยืนต้องพิจารณาก่อนทำการเพาะปลูกควรเพิ่มแหล่งน้ำให้ตนเองในพื้นที่สวนผลไม้เพื่อป้องกันผลกระทบภัยแล้งในอนาคต
ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก