ข่าวทั่วไปข่าวประชาสัมพันธ์ช่วยชาวบ้าน

ผกก.บางพลี เรียกผู้เสียหายมายืนยันเรื่องเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณีเอง

ผกก.บางพลี เรียกผู้เสียหายมายืนยันเรื่องเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณีเอง
จากกรณี ที่มีข่าวลงว่า อีกแล้ว ตร.สภ.บางพลี ออกหมายเรียกอดีตบุรุษไปรษณีย์ ถูกอดีตเมียแจ้งความบุกรุมยามวิกาล พ้อร้อยเวรเจ้าของคดี ยังไม่สอบปากคำแต่ให้ชดใช้เงิน 3 แสนบาท ตามที่ถูกคู่กรณีเรียก วอน ตร.ชั้นผู้ใหญ่ลงมาดูหน่อย


วันที่ 19 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จากนายศิรวิทย์ ศรีสุธรรม อายุ 27 ปี อดีตบุรุษไปรษณีย์ เพื่อขอความเป็นธรรม ว่า ถูกหมายเรียก จากตำรวจภูธรบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ให้ไปพบพนักงานสอบสวน “ฐานร่วมกันบุกรุกในเคหะสถานในเวลากลางคืน” แต่ถูกบ่ายเบี่ยงยังไม่ได้สอบปากคำ ตำรวจจะให้จ่ายเงิน 300,000 บาท ตามที่คู่กรณีเรียกร้อง
นายศิรวิทย์ เล่าว่าสาเหตุเกิดจากอดีตภรรยา คือนางสาววันเพ็ญ โพธิ์แก้ว และนายวัชรศักดิ์ อับดุลเลาะ แฟนใหม่อดีตภรรยา ได้เข้าแจ้งความตน เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ตนได้ไปรับบุตรชายวัย 6 ขวบ และบุตรสาววัย 1 ขวบ เพื่อมาวันเกิดแม่ของตนโดยจัดงานวันเกิด ที่บ้าน ในซอยหมู่บ้านร่มเย็น อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งก็อยู่ใกล้เคียง บ้านพักของอดีตภรรยาโดยตอนไปรับ ตนได้บอกยายของเด็กไว้แล้วว่า จะพาไปงานวันเกิด ต่อมานางสาววันเพ็ญ อดีตภรรยา ได้แชทมาสอบถาม ตนจึงแจ้งไปว่า รับลูกมาวันเกิดย่า พอเสร็จจากงานวัดเกิดแล้ว ตนจึงได้นำบุตรสาวกับบุตรชายไปส่ง จึงเกิดมีปากเสียงกับอดีตภรรยาและแฟนใหม่อดีตภรรยา หลังจากนั้นแม่ของตนได้ตามมา เพื่อสอบถามสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อไกล่เกลี่ย เพราะอดีตภรรยากับฝ่ายแม่ตนคุ้นเคยกันดี เพราะเคยไปมาหาสู่เพื่อรับหลานมาเลี้ยง ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2568 ได้มีหมายเรียก จากตำรวจ สภ.บางพลี ให้ไปพบหนักงานสอบ โดยในหมายเรียกระบุ ตนพี่สาวและแม่ตน ถูกแจ้งความ“ฐานร่วมกันบุกรุกในเคหะสถานในเวลากลางคืน“
นั้นตนได้ติดต่อ ร้อยเวร “ม”ยศ พันตำรวจโท ตามหมายเรียก เพื่อเข้าพบในคดีดังกล่าว เพื่อสอบปากคำ พร้อมจะนำหลักฐาน ไปแสดงว่า ไม่ได้บุกรุกเข้าไปในบ้าน ตามที่ถูก กล่าวหา เพราะ“บ้านหลังดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมตนกับอดีตภรรยา” แต่ร้อยเวรนายดังกล่าว บ่ายเบี่ยงมาตลอด โดยตนโทรติดต่อไปทั้งหมด 7 ครั้ง ได้รับคำตอบจากร้อยเวรนายดังกล่าว ว่า คู่กรณีเขาเรียกเงินค่าเสียหายจำนวน 300,000 บาท ตนจึงตอบกลับไปว่ายังไม่จ่าย ขอเข้าพบตำรวจตามหมายเรียกก่อน ร้อยเวร ยศ.พ.ต.ท.นายดังกล่าวยังต่อรองลดเหลือ 200,000 บาท และ ลดลงอีก 150,000 บาท ซ้ำยังสับทับอีกว่า 150,000 บาท ลดไม่ได้แล้วนะ 150,000 บาท ตนก็ไม่รับขอเสนอดังกล่าว แต่ตนแปลกใจว่า ร้อยเวรเจ้าของคดี ทำไม่บ่ายเบี่ยงไม่สอบปากคำตนก่อน แต่จะให้ตนจ่ายค่าเสียหายตามที่ถูกเรียกมา จึงแปลกใจการทำงาน ของนายตำรวจนายนี้มาก อีกทั้งญาติตนได้ติดต่อ สอบถามผ่านไปทาง รองผกก.สอบสวน ซึ่งเป็นหัวหน้านายตำรวจท่านนี้ โดยรองผกก.ประสานพูดคุยผ่านโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา แต่ถูกกล่าวหาซ้ำเติมมาอีก
หลังจากนั้นตนพร้อมพี่สาวและแม่ของตน ได้เดินทางไป สภ.บางพลี เพื่อสอบถาม เรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ไม่พบร้อยเวร เจ้าของคดีตนแต่อย่างใด แต่ได้รับคำตอบจากตำรวจใน สภ.บางพลี ว่า ยังไม่มาลา 5 วัน ตนจึงขอฝากไปถึงผู้บังคับบัญชา ของนายตำรวจนายดังกล่าว ช่วยลงมาดูคดีนี้เพื่อความยุติธรรม เพราะตนไม่รู้จะไปพึงพาใคร ตนเป็นแค่อดีตบุรุษไปรษณีย์ หาเช้ากินค่ำ เป็นคนจนๆ ไม่มีพรรคพวก จึงขอวิงวอนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ช่วยลงมาดูเรื่องนี้ เพราะตนกลัวถูกกลั่นแกล้งและไม่รู้เรื่องกฎหมาย
ล่าสุด พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี ได้นัดหมายให้ นายศิรวิทย์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาและน.ส.วันเพ็ญฯ ผู้เสียหายมาพบที่ สภ.บางพลี แต่ปรากฏว่า นายศิรวิทย์ฯ ติดธุระและแจ้งด้วยว่าจะมาพบพร้อมกับทนายภายหลัง
พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า หลังได้ทราบเรื่องที่ นายศิรวิทย์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาไปร้องเรียนนักข่าวว่า พนักงานสอบสวนสอบปากคำฝ่ายเดียว และพยายามไกล่เกลี่ยให้ตนเองจ่ายเงิน นั้น วันนี้ได้นัดหมายให้ นายศิรวิทย์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาและน.ส.วันเพ็ญฯ ผู้เสียหายมาพบที่ สภ.บางพลี แต่ปรากฏว่า นายศิรวิทย์ฯ ติดธุระและแจ้งด้วยว่าจะมาพบพร้อมกับทนายภายหลัง และพิจารณาเห็นว่ากรณีนี้นายศิรวิทย์ฯ ได้ไปพบนักข่าวเพื่อให้นักข่าวนำเสนอข่าวในมุมของตนเองให้สังคมได้รับทราบไว้แล้ว เห็นควรให้ฝ่าย น.ส.วันเพ็ญฯ ผู้เสียหาย นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมของตนเองและนำเสนอประเด็นที่พาดพิงพนักงานสอบสวน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 23.40 น. หลังจากที่ นายศิรวิทย์ฯ ผู้ถูกกล่าวหา รับบุตรออกไปข้างนอกแล้วนำกลับมาส่งคืนให้ น.ส.วันเพ็ญฯ ที่บ้าน เป็นเวลาใกล้เที่ยงคืน ส่งผลให้บุตรได้นอนช้ามีผลต่อการตื่นไปโรงเรียน น.ส.วันเพ็ญฯ จึงได้มีปากเสียงกับ นายศิรวิทย์ฯ และมีปากเสียงกับนายวัชรศักดิ์ฯ แฟนใหม่ของ น.ส.วันเพ็ญฯ ด้วย ต่อมาขณะที่ น.ส.วันเพ็ญฯ กำลังจะปิดประตูรั้วบ้าน นายศิรวิทย์ฯ ได้ใช้เท้าถีบประตูรั้วบ้าน เป็นเหตุให้ประตูรั้วกระแทกที่บริเวณท้อง ของ น.ส.วันเพ็ญฯ ซึ่งท้องอยู่ 7 เดือน เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ น.ส.วันเพ็ญฯจึงปิดประตูรั้วบ้านลงกลอน แต่ไม่ได้ใส่กุญแจ แล้วเดินเข้ามาในตัวบ้าน เนื่องจากไม่อยากทะเลาะด้วย ต่อมานายศิรวิทย์ฯ ได้โทรศัพท์เรียกให้นางฉวีวรรณ ศรีสุธรรม (มารดา) และน.ส.ศิริรัตน์ ศรีสุธรรม (พี่สาว) ของตนมาที่บ้าน เมื่อมาถึง นายศิรวิทย์ฯ , นางฉวีรรณฯ และน.ส.ศิริรัตน์ฯ ได้เปิดประตูรั้วบ้านแล้วเดินเข้ามาในบ้าน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก น.ส.วันเพ็ญฯ ซึ่งเป็นเจ้าบ้าน จากนั้นเข้ามาพยายามเปิดประตูตัวบ้าน แต่ไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากประตูล็อคเอาไว้ จากนั้นได้ด่าทอและโวยวาย ต่อมานายศิรวิทย์ฯ ได้เดินไปยังรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 6 ขฎ 8843 กทม. ของนายวัชรศักดิ์ฯ ซึ่งจอดอยู่บริเวณนอกรั้วประตูบ้าน แล้วทำการเปิดช่องเติมน้ำมันเครื่อง แล้วเททรายใส่เข้าไป ทำให้รถไม่สามารถใช้งานได้ และเกิดความเสียหาย ซึ่งทั้ง 3 คน นั้นได้เดินเข้าๆออกๆอยู่ในรั้วบ้านอยู่สักพักหนึ่ง น.ส.วันเพ็ญฯ จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 00.24 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี เข้ามาระงับเหตุ นายศิรวิทย์ฯ กับพวกรวม 3 คน จึงได้ออกจากที่เกิดเหตุไป ซึ่งการกระทำครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง น.ส.วันเพ็ญฯ และสามีใหม่ จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายศิรวิทย์ฯ กับพวกรวม 3 คน ตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ไพโรจน์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกนายศิรวิทย์ฯ กับพวกรวม 3 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7 มกราคม 2568 แต่เมื่อถึงวันที่กำหนด นายศิรวิทย์ฯ กับพวกรวม 3 คน ไม่เข้ามาพบตามหมายเรียก แต่กลับโทรศัพท์มาแจ้งพนักงานสอบสวนว่าไม่สามารถที่เข้ามาพบในวันเวลาดังกล่าวได้ เนื่องจากตนอยู่ต่างจังหวัด พนักงานสอบสวนจึงแจ้งให้ทราบว่าจะได้นัดหมายให้เข้ามาพบในภายหลัง จึงยังไม่ได้มีการสอบสวนปากคำ นายศิรวิทย์ฯ หรือพยานฝ่ายนายศิรวิทย์ฯ แต่อย่างใด
ต่อมา น.ส.วันเพ็ญฯ ได้แจ้งกับพนักงานสอบสวนว่าต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท กล่าวคือ เป็นค่าเสียหายที่ถูกทำร้ายโดยการถีบประตูรั้วมากระแทกท้องซึ่งตั้งครรภ์บุตร 7 เดือน ค่าเสียหายรถจักรยานยนต์ที่ต้องซ่อม ค่าเสียหายจากการไม่สามารถใช้รถจักรยานยนต์ไปประกอบอาชีพประจำและอาชีพขับแก๊ปได้ ไม่สามารถใช้รถจักรยานยนต์ไปส่งบุตรที่เกิดจากผู้เสียหายและผู้ต้องหาได้ พนักงานสอบสวนจึงแจ้งให้นายศิรวิทย์ฯ ทราบ ต่อมาผู้เสียหายได้ลดราคาลงมาเหลือ 200,000 บาท แต่หากจะลดอีกต้องไม่เกิน 150,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้นายศิรวิทย์ฯ ทราบแล้ว และแจ้งด้วยว่าหากมีการตกลงกันได้พนักงานสอบสวนจะบันทึกการชดใช้ค่าเสียหายไว้ประกอบสำนวน เพื่อเป็นเหตุให้ศาลบรรเทาโทษ โดยจะนัดมาเจรจาและทำบันทึกต่อหน้าพนักงานสอบสวน ในวันที่นายศิรวิทย์ฯ มาพบพนักงานสอบสวนตามนัด แต่เมื่อนายศิรวิทย์ฯ ไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดนัด และ พนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะออกหมายเรียกให้มาพบ เป็นครั้งที่ 2 หากผู้ต้องหามาพบสามารถนำพยานหลักฐานมาต่อสู้ในทางคดีได้ แต่หากไม่มาพบจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลขออนุมัติออกหมายจับต่อไป
******************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ