ข่าวประชาสัมพันธ์ข่าวพาดหัว

PM2.5ส่งผลกระทบกับประชาชน ผู้ว่าฯเตือนใครเผาติดคุก สสจ.ลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัย ให้คำแนะนำ

PM2.5ส่งผลกระทบกับประชาชน ผู้ว่าฯเตือนใครเผาติดคุก สสจ.ลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัย ให้คำแนะนำ

ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกโรงประกาศ ห้ามเผาในพื้นที่การเกษตร และที่โล่งทุกชนิด ผู้ใดฝ่าฝืนต้องมีโทษปรับ-จำคุก สสจ.ลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัยให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพตนเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พร้อมด้วย นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเดชาธร เชาว์เลขา ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางปวีณา ทองสกุลพันธ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม แจ้งที่ประชุมทราบ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปรากฏว่าค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นและเกินเกณฑ์มาตรฐานโดยเฉพาะในวันนี้ ปริมาณฝุ่น (PM2.5) อยู่ระหว่าง 85.7 – 113.2 มคก/ลบ.ม. อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง (เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยทางเดินหายใจ) จึงได้ประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงาน กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามประกาศจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงวันที่ 12 มกราคม 2567 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีประกาศจากกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ในพื้นที่การเกษตร และเพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบ ต่อสุขภาพประชาชน จึงให้ประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 15 มาตรา 21 มาตรา 22 และมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ.ศ. 2550 จึงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
1. ห้ามเผาในพื้นที่การเกษตร ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2560 มาตรา 25) กรณีเกษตรกรรายใดมีประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตร เกษตรกรรายนั้นจะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรทุกโครงการ โดยเป็นการขาดคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2570 (ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศ ณ วันที่ 17 มกราคม 2568)
.
2. ห้ามเผาในพื้นที่เอกชน/พื้นที่สาธารณะ/พื้นที่ชุมชน ผู้ใดฝ้าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 25)
.
3. ห้ามเผาในพื้นที่ข้างทางหรือถนน ผู้ใดฝ้าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 130)
.
4. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการตาม มาตรา 21
ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 21 มาตรา 49)
.
5. ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคอื่น
หรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนสีหมื่นบาท ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าว ในวรรคแรก เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุใน มาตรา 218 ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2200)
.
6. ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาทุกคน ทุกสังกัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน คณะกรรมการหมู่บ้าน และคณะกรรมการชุมชน ให้ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องดำเนินการช่วยกันป้องกัน ควบคุม ดูแลแก้ไขปัญหาการเกิดฝุ่นควันและการเผาในที่โล่ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบแก่ประชาชน
.

 

ด้านนายแพทย์ชวนนท์ อิ่มอาบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกมาเตือนประชาชน ดูแลสุภาพให้ดี เนื่องจากคุณภาพอากาศในปัจจุบัน มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 เกินกว่าค่ามาตรฐาน โดยในวันนี้ได้ลงพื้นที่เยี่ยม พร้อมแจกหน้ากากอนามัย ให้คำแนะนำการดูแลป้องกันตนเอง เมื่ออาศัยอยู่ในพื้นที่ ฝุ่นละออง PM2.5 แก่กลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้ป่วยด้วยโรคประจำตัว ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หืดหอบ ภูมิแพ้ โรคหัวใจ และหลอดเลือด และมอบหน้ากากอนามัยให้ แก่ อสม. เพื่อแจกให้กลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่ รพสต.ตำบลมหาราช อำเภอมหาราช และ รพสต. คลองสะแก อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และ อสม.

หากบ้านพักอยู่ในพื้นที่เสียง ให้ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดและทำความสะอาดบ้านบ่อย หากออกจากบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน และสังเกตอาการผิวปกติเช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจมีเสียงวี๊ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะให้รีบพบแพทย์ทันที ซึ่ง PM 2.5 คือฝุ่นละอองที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนเล็กประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผมมนุษย์ ขนจมูกไม่สามารถกรองได้สามารถแพร่กระจายสู่ทางเดินหายใจกระแสเลือด และแทรกซึมขบวนการทำงานอวัยวะต่างๆเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังได้ พร้อมทั้งแจกหน้ากากอนามัยให้กับชาวบ้าน

เกียรติยศ ศรีสกุล จ.พระนครศรีอยุธยา /ผอ.ภาคกลาง