นราธิวาส/ข่าว-ฮามีดะห์
ทวีมั่นใจบ้านใหญ่กูเซ็งเข้าวินนายก อบจ.นราฯ หลังมั่นใจในผลงานที่ผ่านมาตลอด25ปี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ม.ค.68 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมในฐาน หน.พรรคประชาชาติ พร้อมด้วยนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน อดีต นายก อบจ. นราธิวาส 5 สมัย พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ได้เดินทางเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ไม่มีความมั่นใจในคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน เพื่อเป็นการตอกย้ำความมั่นใจ ที่ทาง พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม จะเดินทางมาพร้อมกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ปธ.รัญสภาในฐานะอดีต หน.พรรคประชาชาติ ที่ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมาพร้อมกับ พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้มีเป้าหมายลงพื้นที่ 5 อำเภอ คือ เมืองนราธิวาส ตากใบ สุไหงโก-ลก สุไหงปาดีและเจาะไอร้อง
ซึ่งจุดแรกคณะได้เดินทางมายังโรงเรียนอัตตัรกียะห์อิสลามียะห์ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อเดินทางมาพบปะคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้ง ชายหญิง จำนวน 269 คน ที่ห้องประชุม ในการเชิญชวนและประชาสัมพันธ์ในฐานะพลเมืองที่ดี ให้ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง นายก และสมาชิก อบจ.นราธิวาส ในวันที่ 1 ก.พ.68 ที่จะถึงนี้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่ชาวบ้านต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ตนยอมรับนายกูเซ็ง อดีตนายก อบจ.5 สมัย เป็นคนสำคัญของพรรคประชาชาติ ซึ่งถือว่าต้องมีดีไม่เช่นนั้นจะนั่งเก้าอี้นายก อบจ.มา 25 ปีได้อย่างไร
ซึ่งต่อมานายกูเซ็ง ได้ถือโอกาสกล่าวพบปะคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งพอสรุปใจความว่า โรงเรียนนี้หลานผมก็เรียนหนังสือที่นี่จบที่นี่ ไปที่ไหนๆผมจะแนะนำให้ชาวบ้านส่งบุตรหลานมาเรียนหนังสือ เป็นโรงเรียนที่นักเรียนจบออกมาสามารถเข้าศึกษาต่อได้ยังสถาบันที่มีชื่อเสียง ผมจึงของฝากคณะครูทุกคนเลือกเบอร์ 1 ผลงานที่ผ่านมาคนนราธิวาสทราบดี พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ให้กับสมาชิกในครอบครัวรวมถึงญาติมิตร เข้าคูหาต้องกากูเซ็งเท่านั้น
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรมและคณะ ได้เดินทางไปยังจุดที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 1/1 ม.4 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ ซึ่งเป็นบ้านของของนายมามะซือรี ยาโก๊ะ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านตะเหลี่ยง เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ใน 3 หมู่บ้านของ ต.เกาะสะท้อน จำนวนกว่า 400 คน เพื่อเดินทางมารับฟังนโยบายผ่านปากเสียงของ พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ที่ไม่สามารถออกตัวได้เต็มที่นัก พร้อมทั้งได้ขอโทษพี่น้องประชาชนแทนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ปธ.รัฐสภา ที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ พร้อมทั้งได้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของนราธิวาส ที่นายกูเซ็ง อดีตนายก อบจ.ได้ดำเนินงานตลอด 25 ปี จึงได้ย้ำเตือนให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์ออกเสียง มันเป็นหน้าที่ถ้าอยากได้คนดีต้องไปเลือกตั้ง ซึ่งจุดที่ 2 นี้ ได้มีนายวัชระ ยาวอหะซัน ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของนายกูเซ็ง และนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ เลขานุการ ปธ.รัฐสภา อดีต ส.ส.นราธิวาส 5 สมัย ได้ร่วมเดินทางมากล่าวพบปะพี่น้องประชาชน ถึงนโยบายที่นายกูเซ็ง ตลอด 25 ปี ได้ดำเนินการหรือผลงานอะไรไปแล้วบ้าน ก่อนที่ พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม จะเดินทางมาถึงจุดหมายที่ 2 และทราบว่า พี่น้องประชาชนยังยึดมั่นในผลงานและจะมีการเลือกนายกูเซ็ง ไปนั่งเก้าอี้นายก อบจ.อีกครั้งเป็นสมัยที่ 6
ซึ่งก่อนเดินทางไปยังอีก 3 อำเภอเป้าหมาย พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าในวันนี้นายกูเฮงยาวอหะซัน ตอนนี้ดำรงตำแหน่งเลขาธิดารรัฐมนตรียุติธรรมลูกชายของนายกูเเซ็ง ยาวอหะซัน โดยเป็นนายก อบจ.มา 25 ปี แล้ว และปีนี้ก็มีการลงสมัคร ซึ่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยปกติแล้วพรรคประชาชาติไม่ได้ไปในเรื่องทางการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากมีความผูกพันธ์เป็นครอบครัวเดียวกัน และเนื่องจากความเป็นครอบครัวเดียวกันก็มีกำลังใจช่วย และเท่าที่ไปในที่ต่างๆ จุดที่ดีอย่างหนึ่งคือท่านมีความเป็นสุภาพบุรุษ โดยที่ท่านไม่เคยพูดให้ร้ายใคร ท่านเป็นผู้ใหญ่ และยิ่งเป็นในพื้นที่บางคนก็มากล่าวให้ร้าย ซึ่งอยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธหรือไทยมุสลิม ถ้ามีใครมาใส่ร้ายคนอื่น เราก็ควรที่จะคิดว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า อย่าลืมว่าตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีในพื้นที่ภาคใต้ เป็นความกังวลเรื่องความขัดแย้ง โดยที่ท่ายนายกกูเซ็งเป็นมุสลิมที่ทำให้พี่น้องไทยพุทธทั้งหมดเลือกท่าน แสดงว่าท่านเป็นคนที่มีความไม่อคติ มีความยุติธรรมและท่านเองก็ทำงานมานานจะยิ่งสร้างความเจริญให้ และผมเองก็มั่นใจในตัวท่านนายกกูเซ็ง และในฐานะของที่เป็นครอบครัวของพรรคประชาชาติ นอกจากมาให้กำลังใจแล้วก็มาช่วยเชียร์ด้วย
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการเมืองท้องถิ่นเราเชื่อว่าการที่จะสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับประชาชนนั้น ซึ่งหนีไม่พ้นการกระจายอำนาจมายางท้องถิ่น และเนื่องจากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เลือกพรรคประชาชาติมา พรรคประชาชาติก็อยากที่จะเมื่อมีการกระจายอำนาจเข้าไปเราก็จะมีการโอนอำนาจอันนี้ในเรื่องของสาธารณสุข และอาจจะต้องมีการถ่ายโอนอำนาจในเรื่องของการศึกษาในราชทัณฑ์ และเรื่องการถ่ายโอนอำนาจต่างๆมา ดังนั้นในการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นจึงมีความสำคัญ และในระดับแรกต้องดูที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดก่อนเป็นหลัก โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงยุติธรรมนำปัญหายาเสพติด โดยเอาองค์กรท้องถิ่นมาเกี่ยวข้อง โดยตอนนี้เราเอาองค์กรท้องถิ่นมาดูเรื่องยาเสพติด เพราะเราแก้ปัญหายาเสพติดด้วยระบบเดิมๆมานาน แล้วทำไมยาเสพติดไม่ลดลง เพราะเราเอาไปแก้ในคนที่นอนอยู่ที่อื่น แต่ถ้านายกท้องถิ่นเขาจะนอนอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งท่านปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านเขาก็จะรับรู้ได้ทันที ส่วนผู้นำท้องถิ่น ต้องเรียนว่าเป็นพลวัตเนื่องจากผู้นำท้องถิ่นมีความสำคัญเป็นประชาธิปไตยที่คนเลือกเข้ามา ซึ่งการเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งหลังจากเสร็จการเลือกตั้งเราก็เป็นมิตรกัน และในระหว่างการเลือกตั้งก็มีสิ่งที่ต้องมาพูด และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือเราจะต้องทำอย่างไรให้ประชาชนดูออกว่า คนที่เข้ามานั้นถ้าเกิดว่าเขามีอาชีพที่จะมาหาผลประโยชน์ ถ้าท้องถิ่นมีความไม่ชัดเจน ซึ่งถ้าได้เป็นแล้วอาจจะทำให้มีปัญหาอันนี้ก็ต้องคอยมาดูกัน ซึ่งการหาเสียงหรือการปราศรัยมันก็จะเป็นการโชว์วิสัยทัศน์ ซึ่งวันนี้ก็อยากจะเชิญชวนไปฟังผู้สมัครแล้วก็ผู้ช่วยหาเสียง โดยที่เขาจะได้นำเสนอนโยบาย ซึ่งเชื่อว่าท่านนายกกูเซ็งเวลาพูดคนเขาบอกว่าท่านเป็นคนเก่าแต่ท่านพูดอนาคตที่ดี พูดในเรื่องของดิจิตอลพูดเรื่องเทคโนโลยี พูดเรื่องการศึกษาที่ดี โดยที่ท่านจะยกระดับให้สูงขึ้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตามในช่วงโค้งสุดท้ายของคืนนี้ ทางบ้านใหญ่ คือ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน จะเปิดเวทีปราศรัยที่สนามฟุตบอล อบจ. และบ้านเล็ก ที่มีการรวมตัวกันของ 3 ส.ส.จาก 2 พรรคการเมือง คือ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ 2 พี่น้องจากพรรคกล้าธรรม และนายซาการียา สะอิ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จะมีการเปิดเวทีปราศรัยที่สนามฟุตบอลเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นเวทีคู่ขนาดในเวลาเดียวกัน เพื่อเรียกคะแนนเสียงช่วงโค้งสุดท้ายจากพี่น้องประชาชน ซึ่งมีทั้งประชาชนที่มีการจัดตั้งและประชาชนที่เป็นคอการเมือง รวมทั้งประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่ชื่นชอบของคู่แข่งทั้งบ้านเล็กและบ้านใหญ่ จะร่วมรับฟังนโยบายก่อนที่จะตัดสินใจเข้าคูหา ใครจะดลใจประชาชนได้มากกว่ากัน 1 ก.พ.68 ประชาชนจะเป็นผู้ชี้วัดใครสมควรที่จะนั่งเก้าอี้นายก อบจ.ของ จ.นราธิวาส
//////////////////////////////// 30 มกราคม 2568