เชียงราย – บก.ข่าวทั่วไทยนิวส์ บุกโรงพัก แจ้งความ เทศบาลนครเชียงราย เหตุใส่ไข่โพสต์รูปกล่าวหา เป็นข่าว FAKE NEWS งานนี้เอาผิดถึงที่สุด !
#ชมคลิป
เมื่อเวลา 08.30น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 บก.ข่าวทั่วไทยนิวส์ บุกโรงพัก สภ.เมืองเชียงราย แจ้งความดำเนิน เทศบาลนครเชียงราย
สืบเนื่องมาจาก สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเชียงราย ได้เข้ามาตรวจสอบในเรื่อง โครงการสร้างสวนสาธารณะเกาะกลางแม่น้ำกก โดยต่อมาใช้ชื่อว่า ” สวนสาธารณะแม่ฟ้าของแผ่นดิน ” ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นข่าวโด่งดัง จากสื่อทีวี เกือบทุกช่อง ร่วมถึงอดีต ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หรือหลายคนจากทั่วประเทศ จะรู้จักในนาม ” ผู้ว่าหมูป่า ” ก็เคยได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อทาโดยตลอดถึงความไม่ชอบมาพากล ของโครงการนี้และไม่เซ็นต์อนุมัติ จนต่อมาถูกย้ายไปอยู่จังหวัดพะเยา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในการถูกย้ายจนหลายคนปิดปากเงียบไม่กล้าพูดสื่อหลายสำนักไม่กล้านำเสนอข่าวเรื่องนี้ด้วยเกรงกลัวอิทธิพลบางอย่าง
จนต่อมากลุ่มนักศึกษาในจังหวัดเชียงรายและชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยเริ่มมีการกระพือในโลกโซเชียลจนเกิดกระแสและในที่สุด สำนักงานป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงราย จึงลงมาตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้งโดยทำหนังสือถึงเทศบาลนครเชียงราย ให้ส่ง
เอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ในห้วงเวลาวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 โดยขอทราบรายละเอียดจากเทศบาลนครเชียงราย จำนวน 3 ข้อ ดังนี้
1. มีโครงการใด
2. ได้ดำเนินการโครงการถึงขั้นตอนใด
3. การวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564
เป็นการดำเนินการตามโครงการใด
ซึ่งปปชเชียงราย ให้ เทศบาลนครเชียงราย ดำเนินการส่งหนังสือตอบกลับภายใน 15 วัน
พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบ สถานที่ก่อสร้างบริเวณเกาะกลางริมแม่น้ำกกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
และต่อผู้สื่อข่าว ทั่วไทยนิวส์ ประจำจังหวัดเชียงรายได้ลงพื้นที่และนำเสนอข่าวอีกครั้ง
และผู้สื่อข่าวได้นำลิงค์ข่าว หัวข้อข่าวชื่อ
” เชียงราย – ตัวแทนนักศึกษา แฉหมดเปลือก ผู้ว่าหมูป่า ถูกย้ายเพราะคัดค้าน สร้าง ” สวนสาธารณะแม่ฟ้าของแผ่นดิน”
(#มีคลิป) #ทั่วไทยนิวส์
https://www.thuethainews.com/34678 ”
โดยใช้เฟสบุ๊คที่ชื่อ Panya petkaew นำลิงค์ข่าว ดังกล่าวไปโพสต์ในกลุ่มข่าวเฟสบุ๊คที่ชื่อ ” กลุ่มข่าวจาวเจียงฮาย News V.2 ”
ซึ่งข่าวดังกล่าวมีคนเข้ามาคอมเม้นและให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เพราะในเนื้อข่าวมีคลิปวีดีโอที่มีนักศึกษาสาวชาวจังหวัดเชียงรายคนหนึ่งให้ข่าวและแฉในโครงการดังกล่าวผู้สื่อข่าวจึงนำเสนอข่าวเพื่อให้สังคมได้รับรู้ความคิดเห็นของประชาชนในอีกแง่มุมหนึ่งที่ยังไม่มีใครนำเสนอ
รายละเอียดดังปรากฏในคลิปวิดีโอของลิงค์ข่าว
โดยจากการตรวจสอบในโครงการก่อสร้างดังกล่าวนี้ พบมีพิรุจในการก่อสร้าง ทั้งราคาที่เกินจริง และ พบว่าผู้บริหารของบริษัทคู่สัญญาของกรมโยธาธิการเป็นเครือญาติของอดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงรายคนหนึ่ง
ทั้งนี้ในคอมเม้นของโพสต์ข่าวประชาชนส่วนใหญ่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องเงินงบประมาณในการก่อสร้างที่สมควรจะนำไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับประชาชนชาวเชียงรายมากกว่าที่จะมาสร้างสถานที่ดังกล่าว
จนต่อมาเมื่อวันที่ 18 ผู้สื่อข่าวทั่วไทยนิวส์ ประจำจังหวัดเชียงรายพบว่า เพจ facebook ที่ใช้ชื่อ ” เทศบาลนครเชียงราย ” ได้โพสต์ข้อความ และลงรูปต่างๆ รวมถึงรูป หน้าจอของผู้สื่อข่าว พร้อมทั้ง ระข้อความสีแดงคาดทับ คำว่า ” FAKE News ” กล่าวหาว่าข่าวดังดังกล่าวเป็นข่าวปลอม โดยการกระทำดังกล่าวทางเพจ facebook ของเทศบาลนครเชียงรายไม่เคยมาขออนุญาตและไม่เคยมีการพูดคุยรวมทั้งไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกันแต่การกระทำดังกล่าวเป็นการกล่าวหาและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาทำให้ชื่อเสียงของ เว็บข่าวทั่วไทยนิวส์ ที่มีผู้สื่อข่าวจากทั่วประเทศกว่า 60 คนและมีผู้ติดตามรับชมข่าวจากทั่วโลกเกิดการเข้าใจผิดและทำให้ชื่อเสียงของทั่วไทยนิวส์ ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เพียงเพราะกันตัดสินของคนหนึ่งคนใดภายในเทศบาลนครเชียงราย จึงเป็นที่มาของการเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีให้เทศบาลนครเชียงรายออกมาแสดงความรับผิดชอบและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
ด้าน นายปัญธิพงศ์ ศิริโชคธนากูล ตำแหน่งบรรณาธิการข่าว และ เจ้าของเว๊ปข่าว ทั่วไทยนิวส์ ( thuethainews.com )
ได้กล่าวว่าภายหลังจากผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดเชียงรายได้แจ้งเรื่องราวความเสียหายดังกล่าวให้ทราบ ตนจึง
มีการประชุมหารือกับผู้สื่อข่าวจากทั่วประเทศที่มีอยู่ทั้งหมด 63 จังหวัด และมีมติให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ เทศบาลนครเชียงราย รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวและผู้ที่ share ข่าวดังกล่าว ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งการนำข้อมูลข่าวสารมาเผยแพร่และใส่ร้าย ให้เสียหายในครั้งนี้ ทำให้ชื่อเสียงของเว็บข่าวทั่วไทยนิวส์ ทุกคนจากทั่วประเทศและนอกประเทศมองว่าเป็นสื่อที่ไม่มีคุณภาพ เพราะผู้ที่นำมาลงข้อความใส่ร้ายนั้นเป็นหน่วยงานของภาครัฐจึงทำให้ประชาชนมีความเชื่อและมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวในโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก
ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อไม่ให้หน่วยงานของรัฐได้ทำการใส่ร้ายป้ายสีและดิสเครดิตสื่อมวลชนอีกต่อไป
ภาพ/ข่าว โดย : ทีมข่าวทั่วไทยนิวส์ จ.เชียงราย
( สนใจลงโฆษณา โทร.0816888600 )