ปทุมธานี ตร.บุกรวบโจรขาเป๋ขณะหลบหนีหลังใช่ปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านเสริมสวย
เมื่อเวลา 15.00 น วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สถานีตำรวจภูธร ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ภายใต้อำนวยการ พ.ต.อ.วิษณุรักษณ์ พรหมเมศร์ ผกก.สภ.คูคต พ.ต.ท.สัมพันธ์ทิมเจริญ รองผกก.สส.สภ.คูคต เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คูคต ชุดทำการจับกุมนำโดย พ.ต.ต.ภัทระ เหล่ามีผล สว.สส.สภ.คูคต พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสภ.คูคต เนื่องด้วย สภ.คูคต ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายใช้อาวุธข่มขู่เอาเงินในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งมีทั้งหมด 5 คูหาชั้นเดียวติดถนน หมู่ที่8 ถ.สวนเกษตร ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนหาข่าวจนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทราบชื่อต่อมานายสิทธา หรือเปิ้ล ขะวงศ์อายุ 36 ปีพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 152 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
จากนั้นได้ขออนุมัติหมายศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่ 104/ 2564ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 ในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร พร้อมด้วยของกลาง 1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ honda รุ่น scoopy i club 12 สีแดงหมายเลขทะเบียน 8กบ 1774 กรุงเทพมหานคร 2. หมวกกันน็อคสีดำลายขาวดำจำนวน 1 ใบ 3.หมวกกันน็อคยี่ห้อ index มีสติ๊กเกอร์ติดคำว่า ไม่เลือกงานไม่ยากจน จำนวน 1 ใบ 4. อาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 1 กระบอก 5. ซองบรรจุกระสุนขนาด .380 จำนวน 2 แพ็ค 6. ลูกกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 10 นัด 7. เสื้อคลุมสีดำแขนยาวจำนวน 1 ตัว 8. เสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงินจำนวน 1 ตัว 9. กางเกงขายาวลายพรางจำนวน 1 ตัว 10. รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีน้ำตาลจำนวน 1 คู่ พร้อมได้นำผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ไปยังสถานที่เกิดเหตุจากการสอบสวนปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุผู้ต้องหาไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเช่าและถูกแจ้งว่าจะถูกตัดการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาจึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปหาเพื่อนที่บริเวณคลอง 4 เพื่อจะมาขายปืนแต่ปรากฏว่าเพื่อนคนดังกล่าวไม่อยู่เป็นเหตุให้ลงมือชิ่งทรัพย์จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีกลับไปที่หอพัก ที่ผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ถนนรามอินทราแขวงอนุสาวรีย์เขตบางเขน กรุงเทพฯมหานคร ซึ่งจากการทำแผนในวันนี้โดยผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าร้านจากนั้นก็ได้เข้าไปที่ร้านเสริมสวย ได้ชักปืนออกมาข่มขู่ ให้บอกว่าเอาเงินมาทั้งหมดที่มี โดยได้เงินไปจำนวนหนึ่ง และได้ให้ถอดสร้อยข้อมือด้วยแต่ผู้เสียหายบอกว่ามันไม่ใช่ของจริงมันเป็นของเก๊ และได้ถามอีกว่ามีแอปเติมเงินหรือเปล่า ซึ่งผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเนื่องจากโทรศัพท์อยู่กับแฟน ส่วนเงินก็มีอยู่ในกระเป๋าและได้เดินมาที่กระเป๋าและได้ค้นดูมีเงินจำนวน 300 บาท
จากการสอบถามนาย สิทธา ผู้ต้องหายอมรับสารภาพและได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยอมรับที่ก่อเหตุในครั้งนี้ตนงไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากทะเลาะกับเมียอยากจะขอโทษผู้เสียหายที่ทำให้ตกใจในระหว่างที่มาปล้นใจมันพาไป ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่มีตังค์บ้านผมมีฐานะ มีที่ มีทาง เปิดบ้านเช่าเป็นของตัวเองด้วย เกิดอาการเครียดประกอบกับทะเลาะกับเมียด้วยและเกิดอาการ ชั่ววูบ ต้องขอโทษกับผู้เสียหาย
ทางด้านผู้เสียหาย นางสาว เอ(นามสมมุติอายุ 30 ปี)เจ้าของร้านเสริมสวยเผยในขณะผู้ต้องหาก่อเหตุเล่านาทีระทึกว่า คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์ตามกล้องวงจรปิดและได้ขับรถมาจอดหน้าร้านและได้เคาะประตูและเขย่าประตูในระหว่างที่เข้ามาตัวเองก็จะไปล็อคประตูแต่ไม่ทันตัวเองนึกสงสัยว่านึกว่ามาเก็บเงินกู้แจกนามบัตรทั่วไป และได้ทำการจี้ ซึ่งในขณะที่มาจี้นั้นก็มีลูกค้านั่งอยู่ หลังจากที่ก่อเหตุเสร็จเรียบร้อยได้ข่มขู่ว่าห้ามบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยรูปพรรณสัณฐานนั้นเดินขาเป๋
ด้าน พ.ต.อ.วิษณุรักษณ์ พรหมเมศร์ ผกก.สภ.คูคต ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากนั้นได้ทำการสืบสวน ได้ภายใน 3 วัน ได้จี้ชิงทรัพย์ได้เงินสดไป 1,000กว่า บาท และได้เงินจากลูกค้าที่มาทำผมไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งประวัติของผู้ต้องหานั้นอดีตเคยมีคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยใช้อาวุธปืนบีบีกันดัดแปลง ให้เหมือนจริงแต่สามารถเป็นของจริงได้ ยิงและสามารถใช้ก่อเหตุได้ จากนี้ก็จะได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน และได้แจ้งข้อหาจี้ชิงทรัพย์และมีอาวุธปืนใช้ยานพาหนะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
( สนใจลงโฆษณา โทร.0816888600 )