คุมตัวแม่พม่าตีลูกสาววัย 5 ขวบ สอบเข้ม
ตำรวจราษฏร์บูรณะ คุมตัวแม่พม่าทำร้ายลูกสาว 5 ขวบ สอบพร้อมเจ้าหน้าที่เขตทุ่งครุ เข้ม หลังหลบหนีไปหาพี่สาวที่จังหวัดชุมพร ขณะที่เจ้าตัวยังอ้างคนทำร้ายเป็นตัวพ่อ และตนเองหลบหนีเพราะกลัวสามีทำร้ายลูก
กรณี เด็กหญิงวัย 5 ขวบชาวเมียนมาร์ บุตร นางซิน มา โซ อายุ 28 ปี ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวภายในห้อง ไอซียู ที่กรุงเทพมหานคร และได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจนครบาลราษฏร์บูรณะ ว่าผู้ต้องสงสัยขึ้นรถทัวร์สายกรุงเทพ – ชุมพร
ซึ่งในเวลาต่อมา ตำรวจสามร้อยยอด สามารถตั้งด่านตรวจ และลงพื้นที่เข้าตรวจสอบตามจุดพักรถทัวร์ ต่างๆ จนพบตัวแม่และเด็กหญิงวัย 6 เดือน ที่จุดพักรถรับประทานอาหาร ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก่อนจะมีการประสานงานมาที่ สน. ราษฏร์บูรณะและส่งตัวแม่และเด็กมาดำเนินการต่อ
จนในเวลาต่อมาเวลาประมาณ 19 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นางซิน มาโซ และบุตรสาววัย 6 เดือน มาถึงที่ สน. ราษฏร์บูรณะ โดยมี พันตำรวจเอกภัสพงษ์ บุตรไทย ผู้กำกับการ สน. ราษฏร์บูรณะ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตทุ่งครุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณะสุข กรุงเทพมหานคร ร่วมกันรอรับและรับตัวมาดำเนินการสอบปากคำทันที
ซึ่งภายหลังการสอบปากคำ ทั้งตัวแม่และพ่อของเด็ก ได้ระบุว่า สำหรับในส่วนของ
นางซินมาโซ อายุ 28 ปี ได้ให้การว่าทั้งคู่แต่งงานอยู่กินมาได้นานกว่า 10 ปี และตนเองจะเดินทางไปหาพี่สาวที่จังหวัดชุมพร เพราะทนอยู่กับสามีไม่ได้ กลัวว่าสามีจะทำร้ายลูก เพราะสามีไม่อยากได้ลูก เคยมีลูกด้วยกันก่อนหน้านี้ ก็เสียชีวิตไป 2 คน คนแรกตอนอายุ 2 เดือน และ คนที่สองตอนอายุ 3 เดือน
ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเวลามีการทะเลาะกันสามีจะบอกว่าไม่เอาลูก ก่อนหน้านี้ลูกเคยไปอยู่ที่เมียนมาร์ และตนเองกับสามีมาทำงานในประเทศไทย แต่พอลูกอายุได้ 3 ขวบ พ่อแม่ที่เมียนมาร์ ใช้งานลูกอย่างหนักจึงเกิดความสงสาร และไปรับลูกมาอยู่ด้วยกันที่ประเทศไทย แต่ก็ยังทะเลาะกับสามีทุกวัน ส่วนประเด็นที่ลูกสาวสัย 5 ขวบ บาดเจ็บ เพราะสามีเป็นคนใจร้อน และเวลาโมโหจะตบตีหน้าลูก ส่วนตนเองยอมรับว่าก็เคยตีลูกเช่นกัน แต่ตีแค่ที่แขน สาเหตุเพราะลูกสาวมาเล่นจักรเย็บผ้าของตนเอง จนทำให้ใช้งานไม่ได้ จึงไม่พอใจ
ซึ่งนางซินมาโซ ยังให้การว่า เมื่อช่วงเย็นวานเห็นลูกสาวตาปิด จึงคุยกับสามีว่าจะพาไปโรงพยาบาลและให้น้องสาวเป็นคนติดต่อทางโรงพยาบาลให้ ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีตำรวจโทรมาถามตนเองว่าทำไมถึงทำร้ายลูก ตนเองจึงตกใจและหนีขึ้นรถทัวร์ลงใน้เพื่อไปหาพี่สาวที่จังหวัดชุมพร ก่อนจะมาถูกจับกุมดังกล่าว
ด้านนาย โซ มิน นาย ชาวเมียนมาร์ อายุ 34 ปี พ่อของเด็กหญิงที่ถูกทำร้าย หลังทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่พบตัวภรรยาและลูกสาววัย 6 เดือน ก็เดินทางมาพบตำรวจและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตทุ่งครุ ในทันที
โดยทันทีที่ถึง สน. ราษฏร์บูรณะ ได้บอกกับทีมข่าวที่เฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ว่า ตนเองรักลูกมากคิดถึงลูกอยากให้ลูกกลับมาอยู่ด้วยทั้งสองคน ส่วนตัวภรรยาหากจะไปมีคนใหม่ตนเองก็รับได้
ในเวลาต่อมาภายหลังการสอบปากคำทั้งสองฝ่ายพันตำรวจเอกภัสพงษ์ และนายธนาชิต ชูติกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตทุ่งครุ ระบุว่า ต่อจากนี้ จะมีการส่งตัวแม่และเด็กวัย 6 เดือนไป ที่บ้านแรกรับ ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนตัวเด็กสาววัย 5 ขวบ จะมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เพราะยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ เมื่อรักษาตัวเสร็จจะมีการส่งให้บ้านแรกรับดูแลเลยหรือไม่ ต้องรอผลการหารืออีกครั้ง
ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ เมื่อบ้านแรกรับ รับดำเนินการแล้วจะมีเจ้าหน้าที่และนักสังคมสงเคราะห์ เข้ามาพิจารณาเกี่ยวกับตัวเด็กอีกครั้ง รวมถึงติดต่อประสานงานครอบครัวว่าจะมีใครติดต่อขอรับเด็กไปดูแลหรือไม่ ซึ่งพ่อเด็กสามารถยื่นความประสงค์ได้ แต่ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาเพื่อความผลอดภัยของตัวเด็ก
ขณะที่ในส่วนของคดีความจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแข้งข้อหาใดๆกับแม่เด็ก เพราะยังต้องพิสูจน์ในข้อเท็จจริงอีกหลายประการ แต่จากการสอบปากคำสองฝ่าย ทางเจ้าหน้าที่ลงความเห็นตรงกันว่า คำให้การของฝ่ายพ่อ มีน้ำหนักมากกว่าฝ่ายแม่เด็ก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่แม่เด็กยังเป็นวัยรุ่น น่าจะยังขาดประสบการณ์ในหารเลี้ยงดูลูกที่ดี
เจ้าหน้าที่ยังฝากถึงประชาชนทุกคนว่าหากใครเจอความรุนแรงกับเด็กในลักษณะนี้ขอให้รีบแจ้ง สน.พื้นที่ หรือสำนักงานเขตทันที เพราะมีหน่วยงานที่พร้อมจะเข้าไปดูแลในทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเด็กเอง ไม่ว่าตัวเด็กจะสัญชาติใดก็ตาม
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.