ข่าวพาดหัวช่วยชาวบ้านทะเลาะวิวาทร้องเรียน

พระนครศรีอยุธยา – สุดช้ำ หัวอกคนเป็นแม่ร้องสื่อลูกชายขี่รถจยย.กลับจากทำงานถูก3วัยขี่รถจยย.ประกบรุมกระทืบคดียังไม่คืบอยู่อย่างผวา

สุดช้ำ หัวอกคนเป็นแม่ร้องสื่อลูกชายขี่รถจยย.กลับจากทำงานถูก3วัยขี่รถจยย.ประกบรุมกระทืบคดียังไม่คืบอยู่อย่างผวา


เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ บริเวณภายใน ซอยพยอม 7 หมู่ที่ 5 ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบกับ นางสาววิกานดา  ฉุยเย อายุ 33 ปี ชาวตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา นายเอ ( นามสมมุติ ) ลูกชาย อายุ 14 ปี จะไปทำงานกับตนที่ทำงานทุกวัน วันนี้ตนเองกลับมาบ้านก่อน ลูกชายกลับตามมาทีหลังในเวลาประมาณเที่ยงคืน ลูกชาย อายุ 14 ปี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีขาวน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 2 ขพ 8962 กรุงเทพมหานคร  ออกจากที่ทำงาน ภายในซอยพยอม  16 กำลังจะกลับบ้าน ซึ่งบ้านอยู่ภายในซอย พยอม 7 ขณะขับเข้ามาในซอย อีกไม่กี่สิบเมตรก็จะถึงบ้าน ได้มีชายวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 คน ยี่ห้อ Yamaha nmax ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับตามลูกชายมา พอประกบรถลูกชายตนเองได้ คนซ้อนท้ายได้นำแก้วน้ำสแตนเลส กว้าง ใส่โดนศีรษะจนทำให้รถจักรยานยนต์ล้ม จากนั้นวัยรุ่นทั้ง 3 คน ได้ลงมา จากรถจักรยานยนต์ และได้ช่วยกันรุมแตะที่บริเวณใบหน้า แบบไม่ยั้ง โดยลูกชายไม่ได้ต่อสู้อะไรเลย ได้แต่นอนกองอยู่กับพื้น จากนั้น 1 ใน 3 ยังได้ถามลูกชายว่ามึงจะเอารถไว้ไหม โชคดีมีรถของชาวบ้านขับผ่านมาพอดีทำให้กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คนรีบขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับหลบหนีออกไปทางปากซอย มุ่งหน้าแล้วเลี้ยงเข้าไปทางซอยพยอม 2


ตนเองนอนอยู่ในบ้านจนมีคนโทรมาบอกให้มาดูลูกชายถูกรุมกระทืบ อยู่ในซอยก่อนถึงบ้าน พอเปิดประตูมาก็พบว่าลูกชาย พยายมขับรถจักรยานยนต์กลับมาบ้าน มีเลือดไหล บริเวณศีรษะแตก เลือดกบปาก ใบหน้าปูดบวม  สภาพสะบักสะบอม ตนจึงรีบพาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาล จากนั้นได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรวังน้อย  ซึ่งเหตุการณ์นี้มีกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้
นางสาววิกานดา  ฉุยเย อายุ 33 ปี แม่ กล่าวต่อว่าหลังจากเกิดเรื่อง ผ่านมาแล้ว 10 กว่าวัน คดีไม่คืบหน้า และยังไม่สามารถตามจับวัยรุ่นทั้ง3 คน ที่ก่อเหตุได้รุมกระทืบ ลูกชายได้ ทำให้ตนเองเป็นห่วงลูกชายมาก ไม่เป็นอันต้องทำงาน ต้องคอยเฝ้าลูกชาย และไม่กล้าให้ลูกชายขับรถ ไปไหนมาไหน คนเดียวเนื่องจากกลัวว่ากลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คนจะกลับมารุมทำร้ายลูกชายซ้ำอีก


ขณะที่ น้องเอ ( นามสมมุติ ) เผยว่า ตนเองต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ยืนยันไม่รู้จักกับ ผู้ก่อเหตุ
และก็ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน เป็นใคร มาจากไหน ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แต่กลับมาทำร้ายตนเอง ทำให้ตนเองกลัวไม่กล้าขับรถคนเดียว เพราะคนร้ายที่ทำก็ยังจับไม่ได้ ทำให้ตอนนี้ใครขับรถตามหลังมาต้องผวา แม้แต่ตอนกลางวัน  จึงวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ภาพข่าว สุรัตน์ ชัยกุลเทวินทร จ.อยุธยา