อ่างทอง ยังมีอีกครูลงโทษตีมือเด็ก ป5 จนต้องเข้าเฝือก ด้านผู้ปกครองอยากให้คุณครูคู่กรณี ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป เพื่อให้ทุกคนและสังคมรับรู้ว่าคนที่กระทำผิดไม่ใช่ลูกตนเอง
วันที่ 21 มิ.ย. 64 ผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในเขต อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ออกมาขอความเป็นธรรม หลังบุตรชายถูกคุณครูประจำชั้นทำโทษ โดยใช้ไม้ตีที่มืออย่างแรง ด้วยเหตุผลจากการที่ส่งการบ้านไม่ครบ จนเกิดอาการบวมช้ำอักเสบ หลังผู้ปกครองพาพบแพทย์ทำการเอ็กซเรย์ พบมีรอยผิดปกติบริเวณกระดูกนิ้วมือ ซึ่งจะต้องรอผลอีก 5 วัน จึงจะตรวจซ้ำ หากพบหินปูนเกาะ แสดงว่ามีกระดูกหัก เบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว ที่ สภ.เมืองอ่างทอง โดยทางด้าน นาง โซเฟีย ตะโนรี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/18 ถนนลำท่าแดง ตำบลศาลาแดง อำเภอเมือง ซึ่งเป็นผู้ปกครองของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 10 ปี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา ลูกชายของตนเองเรียนอยู่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ใน จังหวัดอ่างทอง ถูกครูประจำชั้นทำโทษจากการที่ครูอ้างว่าเด็กส่งการบ้านไม่ครบ โดยใช้ไม้ตีบริเวณมือทั้ง 2 ข้าง จำนวน 3 ครั้ง หลังจากถูกครูตี พบว่าเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากเด็กสับสนคิดว่าเป็นหนังสือการบ้านอีกเล่มหนึ่ง จึงแจ้งให้คุณครูทราบ
แต่ได้รับคำตอบจากครูว่า สมน้ำหน้า ลูกตนเองรู้สึกเจ็บที่มือ จนช่วงพักกลางวันไม่สามารถตักข้าวกินเองได้ มีอาการปวดจนมือสั่นอยู่ตลอดเวลา พอเลิกเรียนตนเองและสามีจึงพาลูกไปพบแพทย์ ซึ่งในตอนนั้นมือเด็กบวมแดงและอักเสบ คุณหมอจึงทำการเอ็กซเรย์ที่บริเวณมือซ้าย พบว่ามีความผิดปกติมีจุดดำบริเวณกระดูก เบื้องต้นจึงทำการเข้าเฝือกไว้และรอดูอาการอีก 5 วัน จึงจะทำการเอ็กซเรย์ซ้ำ หากบริเวณจุดดำมีรอยของคราบหินปูนเกาะ แสดงว่ากระดูกหัก โดยตนเองและครอบครัวรู้สึกว่าคุณครูทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งมันไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นการทำร้ายร่างกาย หลังจากเกิดเหตุได้มีผู้ปกครองของเพื่อนร่วมห้อง ต่าง เข้ามาสอบถามถึงอาการของลูก และมีเด็กนักเรียนอีกหลายคน ที่ถูกคุณครูลงโทษแบบนี้ มีผู้ปกครองอีกหลายท่านที่ไม่พอใจ และคิดว่าทำรุนแรงเกินไป การลงโทษด้วยการตีสามารถทำได้ แต่อยากให้มีความสมเหตุสมผลมากกว่านี้ และไม่ควรรุนแรงขนาดนี้ ในตอนแรกครูประจำชั้นได้โทรติดต่อมา แต่ตนเองและครอบครัวยังทำใจไม่ได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้รับสาย
จากนั้นทางตนเองและครอบครัว ได้พา ดช.เอ ไปเข้าพบ ผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้น และทางผู้อำนวยการโรงเรียนหลังทราบเรื่อง ได้พาคุณครูประจำชั้นคู่กรณี เข้าพบผู้ปกครองที่บ้านในวันรุ่งขึ้น พร้อมกล่าวคำขอโทษ โดยมีการพูดถึง ค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา แต่ทางตนเองและครอบครัวปฏิเสธ เพราะทางครอบครัวไม่ได้ต้องการเงินทอง แต่อยากให้ครูแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางผู้ปกครองสงสารลูกที่ยังคงต้องเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ต่อไป ไม่อยากให้มีปัญหากระทบถึงลูก จึงยอมรับคำขอโทษเพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหา แต่เรื่องกลับไม่จบ ซึ่งมีเด็กนักเรียนที่เป็นเพื่อนกับลูก แจ้งว่าคุณครูคู่กรณีสั่งเด็ก ๆ ในห้อง ถ้าใครมาถามให้บอกว่าคุณครูไม่ได้เป็นคนทำ และลูกของตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ใบรับรองแพทย์ก็ไม่มี และในตอนนี้มีเพื่อนร่วมห้องบางคน แสดงอาการบูลลี่ลูกตนเอง ไม่คุยด้วย ใช้คำพูดเหมือนลูกตนเองเป็นเด็กโกหก ในตอนนี้ รู้สึกสงสารลูกมาก
จึงอยากให้คุณครูคู่กรณี ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป โดยออกมาแสดงความรับผิดชอบให้ทุกคนและสังคมรับรู้ ว่าคนที่กระทำผิดไม่ใช่ลูกตนเอง ซึ่งถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ทางโรงเรียนและครูที่ก่อเหตุ คงไม่มาขอโทษตนและครอบครัวถึงที่บ้าน หากครูไม่แสดงความรับผิดชอบ ตนเองและครอบครัวจะเดินหน้านำหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับคุณครูผู้ก่อเหตุต่อไป
กนกศักดิ์ / อ่างทอง