เชียงราย – บิ๊กใหม่ ลงพื้นที่ตามคดี 2 คนร้ายควงปืนยิงขู่ชิงทอง 114 บาท ลั่น ตอนนี้แค่รอผลทางนิติวิทยาศาสตร์
ชมคลิป
https://youtu.be/kdPpRw5BfZU
28 มิถุนายน 2564 จากคดีคนร้าย 2 คน บุกจี้ชิงทองคำรูปพรรณ 114 บาท มูลค่า 3,049,500 บาท ที่ร้านทองเยาวราชสินทวี สาขาตลาดป่าก่อ เลขที่ 88/4 เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย เมื่อบ่ายวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุดังกล่าวคล้ายกับกรณีคนร้าย 2 คน บุกเข้าจี้ชิงทองที่ร้านทองเยาวราชทวีสิน เลขที่ 149/1 หมู่บ้านต้นลุง หมู่ 11 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นคนร้ายกวาดเอาทองไปน้ำหนักรวม 54 บาท และมีพฤติกรรมใช้ปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 2 นัดเหมือนกัน
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่งเป็นปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ที่พบในที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่งไปตรวจดูว่าเป็นกระสุนจากปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่ เพื่อเชื่อมโยงทั้ง 2 คดี
ส่วนตัวคนร้ายนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดจนทราบว่าก่อนก่อเหตุ 1 วัน คนร้ายได้ไปเช่าห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.แม่ขาวต้มท่าสุด ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย โดยปรากฏภาพการขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันเข้าไปยังบริเวณโรงจอดรถดังกล่าวก่อนจะเข้าห้องพัก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดเหตุคนร้าย 2 คน ก่อเหตุจี้ชิงทองที่ ต.บ้านดู่ เมื่อช่วงต้นปีมาเปรียบเทียบรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายในคดีล่าสุดนี้ พบข้อเปรียบเทียบคือ รูปร่างของคนร้ายทั้ง 2 เหตุการณ์เหมือนกันมาก คือ ผอมสูง และยังมีอายุไม่มากนัก รวมทั้งคนขับรถยังสวมรองเท้าสีดำขาว คนซ้อนท้ายสวมรองเท้าสีขาวล้วนเหมือนเป็นรองเท้าคู่เดียวกัน ส่วนผ้าคลุมหน้าของคนซ้อนท้ายก็มีลักษณะเหมือนกัน แม้ว่าทั้ง 2 เหตุการณ์จะใช้รถจักรยานยนต์ต่างกันก็ตาม
คดีคนร้าย 2 คน บุกจี้ชิงทองคำรูปพรรณ 114 บาท ที่ร้านทองเยาวราชสินทวี เลขที่ 88/4 สาขาตลาดป่าก่อไทใหญ่ ถนนพหลโยธิน เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย เมื่อบ่ายวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุดังกล่าวคล้ายกับกรณีคนร้าย 2 คน บุกเข้าจี้ชิงทองที่ร้านทองเยาวราชทวีสิน สาขาบ้านดู่ เลขที่ 149/1 หมู่บ้านต้นลุง หมู่ 11 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นคนร้ายกวาดเอาทองไปน้ำหนักรวม 54 บาท และมีพฤติกรรมใช้ปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 2 นัดเหมือนกัน
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่งเป็นปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ที่พบในที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่งไปตรวจดูว่าเป็นกระสุนจากปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่ เพื่อเชื่อมโยงทั้ง 2 คดี
ส่วนตัวคนร้ายนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดจนทราบว่าก่อนก่อเหตุ 1 วัน คนร้ายได้ไปเช่าห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.แม่ขาวต้มท่าสุด ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย โดยปรากฏภาพการขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันเข้าไปยังบริเวณโรงจอดรถดังกล่าวก่อนจะเข้าห้องพัก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดในเหตุคนร้าย 2 คน ก่อเหตุจี้ชิงทองที่ ร้านเยาวราช สินทวี สาขาบ้านดู่ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เมื่อ วันที่ 25 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อนำมาเปรียบเทียบรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายในคดีล่าสุดนี้ ซึ่งพบข้อเปรียบเทียบคือ รูปร่างของคนร้ายทั้ง 2 เหตุการณ์เหมือนกันมาก คือ ผอมสูง และยังมีอายุไม่มากนัก รวมทั้งคนขับรถยังสวมรองเท้าสีดำขาว คนซ้อนท้ายสวมรองเท้าสีขาวล้วนเหมือนเป็นรองเท้าคู่เดียวกัน ส่วนผ้าคลุมหน้าของคนซ้อนท้ายก็มีลักษณะเหมือนกัน และ ยังใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยิงก่อนเข้าชิงทอง ที่เหมือนกัน แม้ว่าทั้ง 2 เหตุการณ์จะใช้รถจักรยานยนต์ต่างกันก็ตาม
พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้กล่าวกับผุ้สื่อข่าวว่า จากการประชุม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำให้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานที่พอจะระบุตัวคนรายได้ว่ามีกี่คน รวมถึงมีพยานทั้งบุคคล และพยานวัตถุ รวมไปถึงภาพกล้องวงจรปิดต่างๆ อย่างเพียงพอ แต่ในเบื้องต้นยังไม่สามารถชี้ตัว หรือระบุชื่อ – สกุล คนร้ายได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่มีรายละเอียดยานพหานะ การแต่งกาย การเข้าไปมาดูลาดเลาก่อนเกิดเหตุ และทราบเส้นทางหลบหนีของผู้ก่อเหตุได้หมดแล้ว
ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้จะเชื่อมโยงกับคดีจี้ร้านทอง ที่ร้านเยาวราชสินทวี สาขาบ้านดู่ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ในเคยเกิดเหตุในวันที่ 25 มกราคม 2564 ที่ผ่าน หรือไม่นั้น ซึ่งพบว่ามีข้อน่าสงสัย และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นผู้ก่อนเหตุคนเดียวกัน ส่วนคนร้ายจะเป็นมืออาชีพ หรือสมัครเล่น ยังตอบไม่ได้ แต่มีลักษณะเป็นวัยรุ่นและสวมรองเท้าลักษณะเดียวกับคนร้ายจี้ร้านทองเยาวราชสินทวีบ้านดู่ ส่วนคำถามว่า ทำไมคนร้ายจี้ชิงทองชื่อร้านเดียวกันนั้น ร้านทองเยาวราชสินทวี ใน จ.เชียงราย มีถึง 17 แห่ง และไม่ใช่เจ้าของไม่ใช่คนเดียวกัน ต้องขอฝากถึงเจ้าของผู้ประกอบกิจการร้านทองให้จัดทำติดตั้งกระจกหน้าร้านให้แน่นหนา ติดตั้งประตูกระจกให้สามารถกดล็อกประตูได้เพื่อป้องกันเหตุร้าย ไม่ให้คนร้ายสามารถก่อเหตุได้ง่าย ส่วนจะทำหรือไม่ตำรวจก็ต้องรักษาความปลอดภัยป้องกันทรัพย์สินให้ประชาชนอยู่แล้ว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กำลังรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อให้แน่ชัดก่อนถึงจะฟันธงได้
ปัญธิพงศ์ ศิริโชคธนากูล / เชียงราย โทร. 0990505989