แกนนำประมงทวงสัญญานายกเทศบาลประจวบฯหยุดทิ้งขยะในเขตป่าสงวน 7 สิงหาคมนี้
วันที่ 4 สิงหาคม นายแดง แก้วชิงดวง ประธานชาวประมงเรือเล็กชุมชนคลองบางนางรม เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากเทศบาลเมืองประจวบฯได้นำขยะวันละกว่า 25 ตันไปบำบัดในพื้นที่ชุมน้ำ เขตป่าสงวนแห่งชาติคลองบางนางรมและทับซ้อนในที่ดินตามหนังสือสำคัญที่หลวง เนื้อที่ 1,073 ไร่ ของจังหวัดที่ออกทับเขตป่าสงวนฯเมื่อปี 2540 โดยจุดดังกล่าวห่างจากศาลาจังหวัด 500 เมตร โดยก่อนหน้านี้ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองฯยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้พื้นที่ เนื่องจากเมื่อปี 2552 ผู้บริหารขณะนั้นจะใช้งบมากกว่า 100 ล้านบาท สร้างบ่อขยะฝังกลบในบริเวณเดียวกัน แต่มีชาวบ้านและนักการเมืองบางรายกลุ่มที่มีอำนาจในปัจจุบันได้ร่วมกันคัดค้านการใช้พื้นที่
นายแดง กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านคัดค้านการใช้พื้นที่เกรงว่าจะมีผลกระทบสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเทศบาลไม่เคยสอบถามความเห็น แต่ผู้บริหารเทศบาลอ้างว่าจะขอทิ้งขยะในพื้นที่ถึงวันที่ 7 สิงหาคม นี้ โดยะนำขยะในเขตเทศบาลจ้างเอกชนไปทิ้งที่ จ.ชุมพร เมื่อครบกำหนดจะทวงถามกับความคืบหน้ากับผู้บริหารเทศบาล เพื่อให้นำขยะใกล้พื้นที่ปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ ใกล้กับชุมชนแหล่งท่องเที่ยว ไปทิ้งพื้นทีอื่น และหากวันที่ 7 สิงหาคม ยังมีการทิ้งขยะตามปกติผู้บริหารต้องชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจน ขณะที่ชาวบ้านยืนยันว่าจะให้โอกาสเทศบาลนำขยะในจุดดังกล่าวออกไปทิ้งที่อื่นทั้งหมดภายในวันที่ 31 สิงหาคม นี้
นางกุหลาบ แฝงแก้ว ประธานสภาเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การใช้งบประมาณกำจัดขยะจะต้องใช้งบเพิ่มขึ้น ทำให้มีปัญหากระทบสถานะการเงินการคลัง และอาจขัดแย้งกับข้อมูลจากการแถลงนโยบายของนายกเทศมนตรีต่อสภาที่แจ้งว่าจะศึกษาและแก้ปัญหา เพื่อลดรายจ่ายในการบำบัดขยะ และหลังจาก ส.ท.เสียงข้างมากยกมือให้ทำกิจการนอกเขตทิ้งขยะนอกจังหวัดเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว จะติดตามขั้นตอนการว่าจ้างเอกชนว่าจะดำเนินการได้ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม นี้ หรือไม่ เนื่องจากฝ่ายบริหารต้องนำขยะจากป่าวงสงวนไปทิ้งนอกพื้นที่ทั้งหมด โดยจะต้องมีกรรมการติดตามการชั่งน้ำหนักขยะตั้งแต่ต้นทางทุกครั้ง เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายป้องกันการทุจริต
จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ที่ดินในแปลงที่ทิ้งขยะดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ผ่านมา มติกรรมการ กบร.จังหวัด แจ้งให้กรมที่ดินเพิกถอนการออกเอกสารสิทธิที่ดินทุกแปลงที่ออกเอกสารสิทธิทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังจากมีการตรวจสอบตั้งแต่ปี 2549 แต่ปัจจุบันยังไม่คืบหน้า ทำให้มีผู้อ้างสิทธิครอบครอง นอกจากนั้นพบว่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รังวัด นสล.ทับที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าพนักงานที่ดินเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 157
//////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 099 339 6444