เชียงราย – ไทยเฮมพ์ เวลเนส จำกัด นำร่องปลูกกัญชง 1,600 ไร่ ในเชียงราย ตั้งเป้าทั่วประเทศ แสนไร่ใน 5 ปี
วันที่ 18 กันยายน 2564 ที่โรงคั่วกาแฟป่า เลขที่ 28 ม.7 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย นายวีรชาติ เขื่อนรัตน์ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานจัดงานแถลงข่าว การปลูกกัญชงนำร่อง 1,600 ไร่ในจังหวัดเชียงรายมี นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา ประธานบริษัท ไทยเฮมพ์ เวลเนส , ดร.เสฐียรพงศ์ แก้วสด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ ไทยเฮมพ์ เวลเนส จำกัด, พลเอกสุทัศน์ จารุมณี, ดร.เพิ่มศักดิ์ สุภาพรเหมินทร์ กรรมการมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์, นายดิเรก ตนพยอม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเชิงพาณิชย์ร่วมแถลงข่าว มีเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกกัญชงจำนวนมากให้การต้อนรับและร่วมงาน โดยกิจกรรมในงานถูกจัดขึ้นในรูปแบบกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่แปลงปลูกกัญชงซึ่งได้รับอนุญาต (ปลูก) แล้ว เลขที่ใบอนุญาต ชร 171/2564 (ป) ชื่อผู้รับอนุญาต นายศิริชัย ใจแปง พิกัดสถานที่ 19.745239, 99.711847 ณ ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย
นายวีรชาติ เขื่อนรัตน์ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้ “เป็นการนำกัญชงพืชเศรษฐกิจตัวใหม่มาพลิกฟื้นธุรกิจให้แก่เกษตรกรที่สนใจทั้งเป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการที่ให้กัญชงเข้ามามีบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์ เพราะ กัญชงเป็นพืชที่มีดอกและใบที่ผ่านการวิจัยสาร CBD คือสารสกัดที่ดีต่อสุขภาพ เหมาะแก่การนำไปอุปโภคบริโภค และเมล็ดกัญชงสกัดนำไปผสมอาหาร เพื่อให้รสชาติและคุณประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มมากขึ้น จึงมั่นใจว่าการจัดงานปลูกกัญชงต้นแรก 1,600 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ครั้งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานของทางบริษัท และ เป็นที่รู้จักในกลุ่มเกษตรกรพื้นที่ใกล้เคียงที่ร่วมโครงการ ถือเป็นศูนย์กลางการผลักดันทางด้านการส่งเสริมของภาคเกษตรกรรรมรวมไปถึงภาคธุรกิจ ปลูก ผลิต สกัด และส่งจำหน่ายในประเทศ และต่างประเทศ ในปัจจุบันพบว่าความต้องการกัญชงสูงถึง 6,500 ตัน/ต่อปี แนวโน้มในปี 65 ความต้องการเพิ่มขึ้นสูงถึง 7,500 ตัน ส่วนในประเทศไทย ณ ขณะนี้ ภาครัฐ และ ภาคเอกชน ล้วนให้ความสนใจเพราะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเชิงเศรษฐกิจ พลิกวิกฤต เพิ่มรายได้ ให้กับเหล่าเกษตรกร ให้ได้เปลี่ยนวิถีชีวิต และ ได้รับรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลในด้านบวก พร้อมเป็นห่วงโซ่แก่ธุรกิจที่จะเป็นการเติบโตของกัญชงในเชิงพาณิชย์อย่างแน่นอน”
ดร.เสฐียรพงศ์ แก้วสด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ กล่าวว่า การวิจัยกลุ่มพืชกัญชงที่นับว่าเป็น กลุ่มพืชทองคำ ที่มีบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์ โดยได้รับอนุญาตให้เพาะปลูกในปีนี้ โดยเกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกไอย่างถูกกฎหมาย มี 2 ชนิด กล่าวคือ กัญชง ซึ่งมี สาร CBD สูง และ พืชอีกตัวหนึ่งนั้นคือ กระท่อม พืชทั้งสองชนิดภาครัฐได้ทำการปลดล๊อคเมื่อเร็วๆนี้ ทั้งนี้กัญชงและกระท่อมเป็นพืชที่มีสาร เมตาซานินสูง สามารถนำไปสกัดทำเป็นเครื่องดื่ม, เครื่องสำอางและอาหารเสริม นอกจากนี้ใยของกัญชงยังนำไปทักทอเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึกต่าง ๆ ณ ปัจจุบัน ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ อาทิเครื่องดื่มคาราบาวแดง , SAPPE (เซ็ปเป้) ,กลุ่ม รพ.ยันฮี และโรงงาน OEM ทั้งกลุ่ม ได้ร่วมกันทำบันทึกข้อตกลง เพื่อขอใช้สารสกัดในการผลิตสินค้ากับทางบริษัท ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัด ทำให้บริษัทต้องเร่งผลิตสารสกัดเพื่อส่งมอบให้กับองค์กรเหล่านี้ รวมทั้งบทบาทของภาครัฐ ที่กำลังร่วมทำข้อตกลงในด้านการวิจัยและศึกษาสารสกัดของกัญชง กับทางบริษัท ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัด ส่วนมหาวิทยาลัยภาครัฐทางภาคเหนือ ให้ความสนใจกับสารสกัดกัญชง ในด้านของ เคมีพฤกษศาสตร์ เป็นองค์ความรู้ และ นับเป็นการตอบรับว่า กัญชงเป็นอีก 1 พืชเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง เพราะมีสารสกัดดีและมีประโยชน์ อีกทั้งการนำไปใช้ สู่กลุ่มธุรกิจกลุ่มอุปโภค บริโภค ยา ปศุสัตว์ ได้เป็นอย่างดี”
สำหรับในปีแรกนี้ทาง บริษัท ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัดพร้อมกับกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดเชียงรายจะร่วมกันปลูกกัญชงในพื้นที่ 1,600 ไร่ จากนั้นจะมีการขยายการปลูกไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ โดยเป้าหมวยที่วางไว้จะมีการปลูกห้ได้ 100,000 ไร่ ใน 5 ปี ผู้ที่สนใจสารสกัดซีบีดี (CBD) และผลิตภัณฑ์จากกัญชง ใบสด ใบแห้ง ใบชา และสนใจร่วมปลูกกัญชง หรือพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับบริษัทฯ สามารถติดต่อกับทางบริษัท ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัด โทร. 0619262466
ทีมข่าว ทั่วไทยนิวส์ / จ.เชียงราย