ข่าวพาดหัวฉ้อโกงประชาชนร้องเรียน

อยุธยา – สาวสุดแสบเข้าตีสนิทดูแล 2 ตายายเกษียณอายุราชการ ก่อนใช้แอปธนาคารมือถือ โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองกว่า 3 ล้านบาท

สาวสุดแสบเข้าตีสนิทดูแล 2 ตายายเกษียณอายุราชการ ก่อนใช้แอปธนาคารมือถือ โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองกว่า 3 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.00. นวันที่ 20 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายโสฬส ธรรมวานิช อายุ 43:ปี เจ้าหน้าที่ พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พระนครศรีอยุธยา ม. 5 ตำบลไผ่ลิงอำเภอพระนครศรีอยุธยาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าถูกคนที่รู้จักกัน มาดูแลพ่อแม่ที่อายุมากแล้วก่อนใช้แอปโทรศัพท์มือถือโอนเงินผ่านบัญชีเข้าตัวเองกว่า 3 ล้านบาท


นายโสฬส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พ่อแม่ของตนชื่อ นายสมชาย อายุ 74 และ นางประสิน อายุ 69 ปี อดีตพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เกษียณอายุราชการการแล้ว และ เงินบำเหน็จ ไว้ใช้จ่ายและหาหมอในยามจำเป็น เลยฝากบัญชีธนาคารไว้แห่งหนึ่ง โดยเริ่มแรกพ่อของตนเองป่วยด้วยโรคสมอง และล้มต้องเข้าโรงพยาบาล จากนั้นก็มาพักฟื้นอยู่ที่บ้าน และก็มีหญิงสาวคนนี้ที่รู้จักกัน ทำเหมือนหวังดีเข้ามาช่วยดูแล พ่อกับแม่ และช่วงที่ตนเองต้องไปทำงานก็เข้ามาตีสนิท พ่อกับแม่ และเอามือถือแม่ไปเล่นโดยสมัครแอปกระเป๋าตัง โดยแอฟกระเป๋าตังนั้นมันต้องผูกกับธนาคารกรุงไทย next ประกอบกับรหัสธนาคารของพ่อกับแม่เป็นรหัสที่จำง่าย โดยเป็นรหัสวันเดือนปีเกิด ทำให้สาวคนดังกล่าวนั้นอาจจะเดารหัส ซึ่งก็ได้ทำการเข้าไป แฮ็กข้อมูลเข้าไปถอนเงิน


ผมได้เข้าไปเช็คในสเตทเม้นท์ของทางธนาคารต่อยอดสุดท้ายอยู่ประมาณ 3,000,000 กว่าบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ ที่สามารถจับได้ก็เพราะว่ามีสถาบันการเงินติดต่อเข้ามาว่าแม่มีการกู้เงินจำนวน 300,000 กว่าบาท แต่ไม่ได้ชำระ แม่ก็เลยบอกว่าไม่รู้เรื่องพ่อก็ไม่รู้เรื่องไม่มีใครรู้เรื่องเลยจน ผมกลับมาจากที่ทำงานผมก็เลยมาตรวจสอบ ซึ่งคนที่เข้ามาตีสนิทรู้จักเป็นแฟนของน้องที่เป็นญาติกันได้เลย ซึ่งสามารถมาเข้าเข้าออกบ้านได้เราก็ไม่ได้เอะใจก็คิดว่ามาช่วยดูแลพ่อกับแม่ ซึ่งก็สงสัยว่าถึงกับต้องลางานมาดูพ่อกับแม่เลย ประกอบกับตอนนั้นเป็นช่วงเวิร์คฟอร์มโฮม และตอนนั้นมีแอพคนละครึ่งที่ให้ใช้ซื้อของแม่เราก็เลยให้มือถือเค้าไปเค้าก็บอกว่ามันต้องเคลื่อนไหว ซึ่งแม่ก็แก่ก็เลยไม่รู้ให้เขาไปเราก็คิดว่าเขาซื่อสัตย์ ซึ่งพอทราบเรื่องทั้งหมดก็ได้นำเรื่องราวไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่

สภ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการพูดคุยเขาก็ยอมรับแต่พอไปถึงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเขากลับไม่ยอมรับ ซึ่งเราก็ไม่มีหลักฐานอะไรเนื่องจากเป็นการโอนเงินจากบัญชีแม่ไปในบัญชีเขาเหมือนกับการให้ยืมครับผมก็เลยบอกกับตำรวจว่าถึงกับให้ยืมหมดตัวเลยเหรอมันไม่ใช่
ซึ่งตลอดระยะเวลาการโอนเงิน โดนตั้งแต่ปี 63 จนถึงปี 64 วันแรกคือวันที่ 22 เดือน 7 ปี 63 โอนครั้งแรก 4,500 บาทหลังจากนั้นก็มีการโอนมาเรื่อยๆ จนสิ้นสุดวันที่ 23 เดือน 8 ปี 2564 เป็นเงิน 20,000 บาท เงินที่โอนจะอยู่ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ก็อยากจะฝากถึงสังคมอยากให้ทุกคนที่มีการให้มีการใช้มือถือในการทำทุรกรรมอะไรช่วงใหม่ใหม่โดยเฉพาะคนสูงอายุอาจจะยังไม่เข้าใจในระบบอยากให้ระมัดระวังลูกหลานคนรู้จักมากขึ้น การเงินเดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าการทำทุรกรรม

ทางการเงินในแอพมันง่ายมากขนาดนี้ เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนอุทาหรณ์รู้เท่าทันเหมือนเป็นการโจรกรรมทางอิเล็คทรอนิกส์ ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ก็อยากให้ธนาคาร ที่จะไปถอนเงินบัตรเครดิตหรือกู้เงินบัตรเครดิตให้มีความรัดกุมมากกว่านี้หรือให้ไปติดต่อที่ธนาคารให้เห็นหน้าเห็นตากันไม่ใช่โอนกันแบบนี้มันง่ายไป และทางครอบครัวผมอยากได้เงินคืนจากหญิงสาวคนนั้นและอยากจะให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือ


ด้าน นางประสิน เผยเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆเ สียใจมากๆ เรามีจิตกุศลลูกหลานคนรู้จักเราก็ช่วยเหลือกันทุกอย่างเค้ามาขอร้องขอความช่วยเหลือเราก็โอนให้ทำการไม่น่าทำกันแบบนี้เสียใจมากรู้สึกเสียใจมากมันเป็นเงินก้อนสุดท้ายหลังวัยเกษียณตอนนี้ก็นอนไม่หลับมาเป็นเดือนแล้วตั้งแต่รู้เรื่องทั้งหมดอยากได้เงินอยากได้เงินคืนเพราะเรามีค่าใช้จ่ายทุกเดือนเราอายุมากแล้วไหนจะเก็บไปรักษาพยาบาลตัวเอง
ภาพข่าว สุรัตน์ ชัยกุลเทวินทร ผู้สื่อข่าว จ.อยุธยา