เกิดเหตุสลดเรือลากจูงสินค้าล่มอับปางกลางแม่น้ำป่าสัก สองผัวเมียจมหาย ไม่ทราบชะตากรรม
เมื่อเวลา 10.30 นวันที่ 29 กันยายน ร.ต.อ ธนวัฒน์ สกุลวงษ์ รอง สว ( สอบสวน) สภ. พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเรือลากจูงบรรทุกสินค้า อับปางจมลงอยู่กลางแม่น้ำ ป่าสัก บริเวณหน้าท่าข้ามเรือ วัดพนัญเชิง ต. กะมัง อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยาจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ
พบเป็นแม่น้ำป่าสัก รวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยากลางสามแยกซึ่งมีน้ำวนและเฉี่ยว มีประชาชนยืนมุงดูเหตุการณ์กันเป็นจำนวนมากบริเวณกลางแม่น้ำพบ เศษซากเรือ และ อุปกรณ์ของใช้ลอยอยู่กลางแม่น้ำ
สอบถาม นางสาวยุพิน ใสสุศล อายุ 36 ชาวอุดร คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองได้เดินทางมาไหว้พระและนั่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำจากนั้นได้เห็นเรือลากจูง จำนวน 5 ลำ ลากจูงเรีอบรรทุกสินค้าหนัก ตามหลังมา 4 ลำ จากนั้นเห็นเรือเรียงเสียการทรงตัวจึงได้ฟ้าโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปวีดีโอ และก็เห็นเรือจมไปต่อหน้า
ทางด้าน นายนพดล แช่ดั่น อายุ 56 ปี ผู้จัดการ จัดการเรือ เล่าว่า ตนเองได้ขับรถ มาตรวจดูเรือสินค้าที่บรรทุกแร่มาจากกรุงเทพฯเพื่อมุ่งหน้าไปส่งที่อำเภอนครหลวงและมาจอดรถอยู่ที่บริเวณภายในวัดพนัญเชิงเพื่อดูการทำงานของเรือ จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเรือลากสินค้า จำนวน 5 ลำที่อยู่ด้านหน้าและอยู่ด้านข้างเรือบรรทุกสินค้าอีก 2 ลำด้านหลังอีก 1 ลำ เรือลำด้านหน้า 1 ลำ ได้เกิดอาการเอียง และเสียการทรงตัว และได้อับปางจมลงไปโดยมีคนขับเรือชื่อ นายสมชาย ธารกุล อายุ 62″ปี และภรรยาชื่อนางนฤมล ยังไม่ทราบนามสกุลสองผัวเมียที่อยู่บนเรือได้จมลงไปกับเรือโดยยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งเบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวนได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยา นำชุดประดาน้ำเพื่อลงค้นหาผู้ที่สูญหาย
ทางด้าน ร.ต.อ.ธนวัฒน์ สกุลวงศ์ รอง สว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้สอบปากคำเบื้องต้น นายจรัญ ศิริสังข์อายุ 31 ปี เล่าว่า ตนเองเป็นเรือรับจ้างลากจูง ขณะเกิดเหตุตนได้จงอยู่บริเวณด้านข้างของเรือ โดยได้รับจ้างช่วงต่อมาจากสะพานอยุธยา เพื่อมาช่วยเหลือเรือบรรทุกแร่ ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเข้า สายแม่น้ำป่าสัก ซึ่งตรงจุดบริเวณเกิดเหตุนั้นมีกระแสน้ำเฉี่ยวไหลแรง ส่วนเรือที่จมนั้นอยู่บริเวณด้านซ้ายสุด พอถึงจุดเกิดเหตุ เรือได้เสียการทรงตัวและเอียง เนื่องจากมีกระแสน้ำไหลเฉี่ยว ทำให้คนขับเรือต้องกลับลำเรือแต่น้ำได้เข้าทางท้ายเรือ อย่างรวดเร็ว ทุกคนได้ตะโกนบอกให้ผู้ที่สูญหายได้ตัดเชือก แต่เนื่องจากเชือกมันตึง ผู้สูญหายตะโกนบอกว่าไม่สามารถตัดได้ จากนั้นก็เรือก็พลิกคว่ำจมลงในน้ำทันที ส่วน สาเหตุนั้นไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุการชนกันแต่เป็นเรื่องของกระแสน้ำที่เฉี่ยวกราด จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนนายสมชายที่หายสาบสูญนั้นถือว่าเป็นคนที่ขับเรือจูงรับจ้าง มาหลายสิบปีและชำนาญเรื่องการขับเรือเป็นอย่างมาก แต่ต้องมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน
ทางด้าน นาวา โท รัชตะ ผกาฟุ้ง ผอ.เจ้าท่าอยุธยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการลงตรวจสอบ บริเวณจุดเกิดเหตุนั้นเบื้องต้นทราบว่าเรือที่จมนั้นเป็นเรือลากจูงอยู่ซ้ายสุดของเรือที่ลากจูงมา 5 ลำแต่เนื่องด้วยกระแสน้ำบริเวณตรงท่าข้ามวัดพนัญเชิงมีกระแสน้ำเฉี่ยว ทำให้เรือเสียการทรงตัวแล้วอับปางลงส่วนการที่จะกู้นั้นตอนนี้กรมเจ้าท่าได้ประสานเรือบรรทุกทุกบริษัทห้ามวิ่งในช่วงเวลานี้โดยเด็ดขาดโดยตอนนี้จะประสานทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำและเจ้าของบริษัทเรือนำเรือใหญ่ลงมาทอดสมอเพื่อหาจุดตรงที่เรือจมและจะค้นหาผู้เสียชีวิตจากนั้นจะกู้เรือขึ้นมาถ้าไม่ติดขัดอะไรภายในเย็นนี้จะต้องทำให้สำเร็จเพื่อที่จะให้เรือบรรทุกสินค้าอื่น สามารถวิ่งสัญจรทางน้ำได้ โดยไม่เกิดอันตรายโดยไม่เกิดอันตราย ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาบริเวณจุดเกิดเหตุนี้ไม่เคยมีเรือลากจูงหรือเรือสินค้าลำใหญ่อับปางจมลงเลยพึ่งมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแต่ก็มีเพียงเรือเล็กที่ บรรทุกโดยสารข้ามฝั่งประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย เท่านั้น
ด้าน นายนาวิล คงดี นายยกสมาคม อยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา เบื้องต้น เผยเบื้อง ได้ประสานกับเจ้าของกิจการ และผู้พบเห็นเหตุการณ์ยืนยัน มีเรือลากจูงลากมาพร้อมกันจำนวน 5 ลำ และเรือลำดังกล่าว เสียการทรงตัว และค่อยพลิกคว่ำจมลงไปจุดนำวน จนทำให้เรือที่ลากจูงกันมาต้องตัดสายลากจูงออกเพื่อป้องกัน เรือลำอื่นจมลงไปด้วยจากนั้น ส่วนเรือสันนิษฐานว่าน่าจะจมและลอยไปอยู่บริเวณหน้าวัดบางกระจะ ตรงข้ามกับวัดพนันเชิง ซึ่งจากการสำเร็จกระพบมีคราบน้ำมันอยู่จริงแต่อย่างไรต้องตามเจ้าของกิจการจะได้ประสานเรือเอกชนนำชุดเรดาร์มา สแกน หาเรือที่จมก่อน จึงจะสามารถส่งทีมนักประดาน้ำที่มีความเชี่ยวชาญนำ สมอลงไปหย่อนและสามารถลากเรือเข้ามาในฝั่งได้แต่หากยังไม่ยืนยันจุดที่จมอย่างแน่นอนก็จะยังไม่สามารถส่งทีมนักประดาน้ำลงไปกู้เรือได้เนื่องจากน้ำมี การไหลเฉี่ยวแรงและจะเกิดอันตรายได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงจะสามารถนำเกลือมาสแกนเรด้าหาจุดที่เรือจมได้ส่วนผู้สูญหายยืนยันว่านายสมชายคนขับเรือติดอยู่ที่บริเวณห้องเครื่องยนต์อย่างแน่นอนและจมลงไปกับน้ำหากกู้ซากเรือขึ้นมาได้ก็จะสามารถเจอหนึ่งใน ผู้ สูญหายอย่างแน่นอน ส่วนภรรยามีพยานพบเห็นว่า รอยตัว ออกมาจากตัวเรือ และจมหายไปบริเวณวังน้ำวน ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมงผู้เสียชีวิตก็จะสามารถลอยขึ้นมาจากน้ำได้เอง
ขณะเดียยวกัน นางสาว สุพรรษา ฤทธิ์ฉิม อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 168/1ม4ต.ปากจั่นอ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ลูกสาวเดินทางมาจุดเกิดเหตุ เล่าว่าตนเอง ไม่ได้อยู่กับแม่มีอาชีพเปิดร้านเสริมสวยอยู่ที่อำเภอนครหลวง เพิ่งทราบข่าวเนื่องจาก มีคนเรือด้วยกันโทรมาบอก ว่าแม่เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม ติดต่อแม่ได้หรือยัง ขณะนี้ รู้สึก ช็อคมาก ทำอะไรไม่ถูกไม่ค่อยได้คุยอะไรกับแม่ เนื่องจากเวลาไม่ตรงกันมีเพียงวันนี้ ช่วง เวลาประมาณ 10.00 น. แม่ โทรมาบอกว่า อยากจะสระผมเท่านั้นตนเองและก็ไม่ได้คุยอะไรกับแม่อีกเลย กระทั่งมาทราบว่าเรือแม่ประสพอุบัติเหตุ
ต่อมาเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ พร้อมผู้ประกอบการเรือลากจูง ได้ใช้เรือลากจูงทิ้งสมอเรือลงในแม่น้ำ เพื่อค้นหาลากจูงเรือที่จมอยู่ใต้แม่น้ำ ขณะค้นหาสมอเรือได้ไปเกี่ยวกับตอไม้ที่อยู่ใต้น้ำซึ่งตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นเรือที่จมอยู่แต่พอชุดประดาน้ำลงไปสำรวจก็ไม่ใช่ และอุปสรรคที่เกิดขึ้นช่วงนี้มีกระแสน้ำไหลเฉี่ยว ประกอบกับค่อนข้างจะมืด ทำให้การค้นหานั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากตั้งแต่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็ลงพื้นที่ค้นหากันตลอดจนถึงช่วงค่ำ จนทำให้ชุดประดาน้ำและผู้ค้นหา ต้องยกเลิกภารกิจก่อนและในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้าจะปฏิบัติหน้าที่ค้นหาต่อ