ปทุมธานีด.ต.เครียดคว้าปืนยิงตัวตายต่อหน้าภรรยา
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 30 ก.ย.64 ร.ต.อ.อดิศักดิ์ คชศักดิ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตัวตายภายในบ้านพักภายในซอยคลองหลวง 33 (ซอยเรืองผึ้ง) ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ต.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4ชั้น เลขที่ 95/4 บริเวณชั้นล่างพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อด.ต.ศักดิ์สิทธิ์ อินทรสวัสดิ์ อายุ 53 ปี สังกัดผบ.หมู่ ฝอ.7บก.อก.บช.ก. สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้น สวมกางเกงขาสั้นที่ขมับด้านขวาถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 นัด ปลายเท้าด้านซ้ายพบอาวุธปืนสั้นขนาด9 มม.ตกอยู่ 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามนายกลวัชร อินทรสวัสดิ์ อายุ 22 ปี ลูกชายคนโตบอกว่า พ่อมีเรื่องกับที่ทำงานและยิ่งโรคระบาดโควิดด้วยก็หวาดระแวงว่าจะตกงาน ซึ่งเจอพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้เมื่อเช้าตนเองก็ได้ยินเสียงปืน 1 นัดเพราะตนเองนอนอยู่ชั้นบนของบ้าน พ่อไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังเลยมีแต่เล่าให้แม่ฟังเท่านั้น ส่วนนางเหรียญ เรืองผึ้ง อายุ 85 ปี แม่ยายผู้เสียชีวิตบอกว่าเมื่อเช้าตนก็นั่งใกล้กับผู้ตายซึ่งลูกเขยบอกว่าเครียดเพราะออกจากงาน แต่จริงๆแล้วงานก็ยังไม่ได้ออกหรอกซึ่งลูกเขยร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงและลูกเขยก็เป็นตำรวจ
ด้านนางสุมาลี อินทรสวัสดิ์ อายุ 53 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตบอกว่า ซึ่งสามีกินเหล้าเยอะและเคยพาไปรักษาซึ่งเจ้านายเขาบอกว่าช่วงที่ฉีดวัคซีนกันแต่สามีฉีดวัคซีนไม่ได้ ขาอ่อนแรงและติดเหล้าซึ่งสามีก็เลิกเหล้าเด็ดขาดเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ฉีดวัคซีนและไปลงทะเบียน จากนั้นผู้บังคับบัญชาให้พักรักษาตัว แต่สามีกลัวถูกไล่ออกตัวก่อนให้ดีขึ้นเสร็จแล้วค่อยไปฉีดวัคซีนและค่อยมาทำงาน โดยไม่ได้มีการหักเงินเดือนแม้แต่บาดเดียว ยังคงได้เงินเดือนทุกเดือน ซึ่งผู้ตายได้อยู่บ้านมาประมาณ 2 เดือนกว่า และมักพูดว่า ตนเองถูกไล่ออกแล้ว ไม่ได้ไปทำงานซักทีคงโดนไล่ออกแล้วแน่ๆ และวันพรุ่งนี้ตนก็จะพาผู้ตายไปหาหมอเพื่อรักษา แต่ก็ไม่ทัน
ด้านร.ต.อ.อดิศักดิ์ คชศักดิ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.คลองหลวง หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุจึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งนำผู้เสียชีวิตส่งนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง