พม่าตั้งวงกินเหล้าก่อนก่อเหตุแทงกันดับหลังเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ย่านทุ่งครุ
วันที่ 2 ตุลาคม 2564 เวลา 22.00 น.
พันตำรวจโท สุวิทย์ พละสาร สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งครุ รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาท และ มีผู้เสียชีวิตจากอาวุธมีด ภายใน ซอยประชาอุทิศ จึงรีบรุดจัดกำลังตรวจสอบ พร้อมประสานแพทย์นิติเวช และ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดภายในบ้านเช่า ซอย ประชาอุทิศ แขวง ทุ่งครุ เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะบ้านแบ่งเป็นห้องให้เช่า 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ มีทั้งหมด 8 ห้อง เหตุเกิดที่บริเวณชั้น 1 ห้องแรก บริเวณหน้าห้องพบผู้เสียชีวิตในลักษณะนอนหงายไม่สวมเสื้อ สวมใส่แต่กางเกงกีฬาสีแดง มีรอยบาดแผลจากของมีคมหลายแห่ง และ มีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมากใกล้เคียงกับร่างผู้เสียชีวิตยังพบกับลอยเลือดหยดไหลเป็นทางยาวไปจนถึงหน้าบ้านหลังดังกล่าว ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาชื่อ นาย ชิยินทู อายุ 36 ปี เป็นชาวเมียนม่า
สอบถามจากเพื่อนของผู้เสียชีวิตที่มาหา บอกเล่าว่า ตนมาถึงก็เห็น ผู้เสียชีวิต ยังไม่ตาย นอนขาแช่อยู่ในน้ำ ส่วนลำตัวอยู่ข้างบนพื้นบ้าน ตนจึงถามว่าเป็นอะไร เค้าก็บอกว่า ให้เรียกรถพยาบาลให้หน่อย ตนก็ไม่มีเบอร์ ไม่รู้ว่าเบอร์อะไร ประมาณชั่วโมงกว่า จนเค้านอนหลับไปนาน
ส่วนทางด้าน นาย ทุน ทุน วิน อายุ 33 ปี เป็นเพื่อนข้างห้อง บอกเล่าว่า ตนกลับเข้าห้องมาประมาณ 2 ทุ่ม เห็นเค้าอยู่ในน้ำแล้ว ตนก็ไม่ได้รู้จักกัน แค่เคยเห็นหน้ากันเท่านั้น และทางเพื่อนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันที่เคยทำงานด้วยกันชื่อ นาย วินที ชัย อายุ 43 ปี บอกว่า ตนเคยทำงานด้วยกัน ทำงานรับเหมาก่อสร้าง ตนพักอยู่ห้องข้างบน ผู้ตายพักอยู่ข้างล่าง ผู้ตายเป็นคนไม่กินเหล้า ตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้ว แฟนเค้าอยู่นอร์เวย์ จะส่งเงินมาให้ใช้ ตอนเกิดเหตุตนอยู่ในห้อง มีคนไปบอกตนว่า ผู้ตายโดนมีดแทง ตนจึงลงมาดู
แล้วทางด้าน น.ส.ศิริพร ท้วมวงษา อายุ 20 ปี เป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู บอกเล่าว่า ตนรับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกัน แทงกันด้วยอาวุธมีด ตนก็เข้ามาตรวจสอบ และ เอาไฟฉายส่องตามทางเพราะทางมืดมาก ตนก็พบกับกองเลือดเป็นทาง ตนก็เดินตามไปจนถึงห้องเช่า ไปเคาะถาม คนข้างในก็บอกว่า มี 2 คนผัวเมียทะเลาะกันแล้ว เมียเดินมาเคาะห้องตนเพื่อบอกว่า ผัวสลบอยู่ แต่ตามแขนเค้ามีรอยเลือดเต็มแขนเลย แล้วก็ขี่รถออกไปเลย เป็นชั่วโมงแล้ว
และ ทางด้าน นาย วรเวก ปูหนู เป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เข้าไปถึงที่เกิดเหตุ บอกเล่าว่า ตนได้รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน ตนจึงเข้ามาตรวจสอบเมื่อมาถึงก็ยังไม่ได้เข้ามาดู เพราะเห็นอยู่กันประมาณ 5 คน ชาย 4 คนหญิง 1 คน พอสอบถามไปมาก็รู้ว่าคนเจ็บนอนอยู่ด้านใน พอตนเข้าไปดูเพื่อตรวจสอบชีพจร คือไม่มีชีพจร น่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณชั่วโมงนึง ส่วนบาดแผลมีที่หน้าหลายแห่ง ที่หัวไหล่ แต่ที่เยอะคือที่หัว ส่วนหลังเลือดไหลออกเยอะ แต่ยังไม่ได้พลิกดู อาวุธเป็นของมีคม น่าจะเป็นมีด เพราะบาดแผลเป็นรอยแผลเปิดแบบเรียบ
ส่วนทางเจ้าของบ้านชื่อ คุณ สุรีย์ อายุ 49 ปี บอกว่า เค้ามาบอกว่า ช่วยแจ้งรถพยาบาลให้หน่อย มีคนโดนแทง ตนก็ไปดูเห็นนอนนิ่งแล้ว ตนได้ยินเสียงทะเลาะกัน ตอน 1 ทุ่ม แต่มาบอกตนตอนประมาณ 3 ทุ่ม ทางลูกเขยของเจ้าของบ้านชื่อ นาย วิชัย ก็บอกว่า ตนเป็นคนมาพบเป็นคนแรก ตอนนั้นยังไม่ตาย แต่ตอนนั้นมันมืดมาก จึงไม่รู้ว่าผู้ตายโดนอะไร และ มีแผลที่ไหนบ้าง ตนเห็นเค้าเอาผ้าอุดที่หัวอยู่ ตนก็ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ เพราะเห็นเค้าช่วยกันปฐมพยาบาลกันอยู่ ตรงนั้นอยู่กัน 4 คน จากนั้นก็มีคนนึงบอกว่า เดี๋ยวเค้าออกไปธุระข้างนอกก่อน ตอนนั้นก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่า
ส่วนเบื้องต้นทางด้าน นาย นัยซึ่งเป็นหัวหน้าได้ให้การยอมรับว่า ตอนที่เกิดเหตุได้มีการตั้งวงดื่มเหล้ากัน บนห้องชั้นที่ 2 และ ผู้ที่ก่อเหตุ ชื่อ นาย ไตร เป็นคนก่อเหตุทำร้ายตรงบริเวณหน้าห้องของผู้ตายซึ่งอยู่บริเวณชั้นล่าง โดยทั้งคู่ได้เกิดการต่อสู้กัน และ นายไตร ก็รู้จักกับผู้ตายแล้วก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จึงใช้อาวุธมีดไม่ทราบขนาด แทง และ ฟันผู้ตายไปหลายแผล แล้วหลบหนีไป ส่วนตอนที่ผู้ก่อเหตุหนีไปนั้นผู้ตายยังไม่ตายสนิท จนกระทั่งอาจจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมาก่อนที่กู้ภัยจะมาถึง
ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามจากผู้ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ แล้วจึงเชิญตัวผู้ใกล้ชิดกับผู้ตายทั้งหมดไปสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สน. เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีแล้วจะเร่งติดตามตัว นาย ไตร ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย และได้ถูกพาดพิงมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนที่จะสรุปได้ว่าใครเป็นผู้ทำร้ายนาย ชิยินทูจนถึงแก่ชีวิต ถึงจะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบันทึกภาพในจุดเกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเก็บร่องรอยลายพิมพ์นิ้วมือภายในที่เกิดเหตุ แล้วมีวัตถุพยานหลักฐานอีกหลายชิ้นภายในที่เกิดเหตุเพื่อรวบรวมใว้ประกอบสำนวนทางคดี แพทย์นิติเวช ตรวจชันสูตรพลิกศพ พบรอยบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง คาดว่าผู้ตายอาจจะเสียเลือดมาก และ เป็นเวลานานเลยทำให้ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงมอบหมายให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งก่อนจะให้ญาติมาติดต่อขอรับร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.