ข่าวทั่วไป

เชียงราย – หญิงชาติพันธุ์ชาวลาหู่หรือมูเซอหลงป่าชาวบ้านเชื่อผีป่าบังตาจากกรณีที่นางเซอ จะกอ อายุ 38ปี พี่น้องชาวชาติพันธ์ชาวเขาเผาลาหู่(มูเซอ)ชาวบ้านบ้านลิไข่หมู่ที่ 7 ต.นางแล

หญิงชาติพันธุ์ชาวลาหู่หรือมูเซอหลงป่าชาวบ้านเชื่อผีป่าบังตาจากกรณีที่นางเซอ จะกอ อายุ 38ปี พี่น้องชาวชาติพันธ์ชาวเขาเผาลาหู่(มูเซอ)ชาวบ้านบ้านลิไข่หมู่ที่ 7 ต.นางแล

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมาได้ออกเดินทางเพื่อไปหาของป่าเวลาประมาณ 9.00น.ถึงวันนี้(วันที่ 6 ตค.64) ได้หลงเข้าป่าหายไปเกือบ 3 วัน โดยช่วงเช้าผู้นำหมู่บ้านพร้อมกับลูกบ้านได้เดินเท้าเพื่อออกค้นหา และส่วนหนึ่งได้ใช้รถจักรยานยนต์วิบากที่สามารถขับขี่เข้าป่าที่มีความสูงชันบางจุดได้ และต้องอาศัยความชำนาญในพื้นผืนป่าลึกซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง ต.นางแล ต.แม่จัน และ ต.แม่ยาว ในเนื้อที่มากกว่า 5พันไร่ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์มือถือที่ได้พกเข้าไปในป่าลึกด้วยที่ยังสามารถติดต่อกับทางญาติได้ และสัญญานโทรศัพท์ก็หายไปเนื่องจากแบ็ตมือถือได้หมดลง จึงทำให้ญาติๆต้องติดตามเข้าไปเพื่อตามหาแต่ก็ยังตามหาแบบไร้ร่องรอยกระทั่งผ่านมาได้ 2 วันโดยทราบว่าไม่มีอาหารเพื่อประทังชีพได้ดื่มเพียงแต่น้ำตามห้วยกลางป่าเขาเท่านั้น

เบื้องต้นเมื่อวันที่ 5 ตค.64 ทางญาติจึงได้เดินทางติดตามหาจนกระทั่งพลบค่ำแต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะพบเจอจึงได้เดินทางกลับเพื่อเข้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้นำหมู่บ้านพร้อมกับได้แนะนำให้ญาติของนางเซอเดินทางเพื่อไปแจ้งคนหายที่ สภ.บ้านดู่ พร้อมกันนี้ส่วนหนึ่งได้ขอกำลังจากชาวบ้านจำนวนกว่า 70คนเพื่อปูพรมค้นหาอีกครั้งเมื่อตอนสายจนกระทั่งช่วงบ่ายแต่ก็ไม่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยได้
ช่วงหลังจากพักเที่ยงชุดค้นหาทางชาวบ้านได้ระดมจำนวนคนเพิ่มพร้อมกับได้ประสานติดต่อทางเทศบาลนางแลเพื่อช่วยสมทบกระจายกำลังค้นหาโดยแยกเป็นกลุ่มเพื่อปูพรมตามหาอีกครั้งซึ่งได้เดินทางออกห่างจากหมู่บ้านเป็นระยะทางกว่า 10 กม.เป็นเขาสูงชันและเดินเท้าเข้าไป และบางส่วนที่ได้ใช้รถจักรยานยนต์วิบากตามหาเพื่อเข้าถึงจุดสำคัญได้ไวขึ้น กระทั่งถึงเวลาประมาณ 15.00 น.ได้รับแจ้งจากทางบ้านแจ้งว่านางเซอฯ ได้เดินทางกลับถึงบ้านแล้ว และชาวบ้านจึงได้แจ้งพร้อมกับถอนกำลังค้นหาทันที
ต่อมาจึงได้เดินทางเข้าพบผู้นำชุมชนโดยนายศรีเดช หน่อแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 และนายโยธิน วุฒิบุญชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้เล่าว่าชาวบ้านที่เดินทางปูพรมค้นหานางเซอ ผู้ที่หลงป่า น่าจะมีผีป่าหรือสิ่งลี้ลับในป่าปิดบังหูบังตาแน่นอน ก่อนตนจะออกเดินทางเข้าค้นหาต่อได้ทำพิธีบนบาลศาลกล่าวกับผีป่าสิ่งลี้ลับ ที่ชาวบ้านเคารพนับถือเป็นต้นทุนอยู่แล้วด้วยหัวหมูเพื่อเป็นของคารวะเซ่นไหว้หวังจะได้ค้นหาเปิดทางได้พบเจอนางเซอ ไม่ถึง 2 ชม.ต่อมาก็ได้รับข่าวดีเมื่อนางเซอได้เดินทางกลับบ้านด้วยตัวเอง จึงเกิดความเชื่อว่าเป็นเพราะตนเองได้บนไว้อย่างแน่นอนจึงเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นจริง ที่ทำให้ผู้หลงป่าเดินทางกลับสู่บ้านเองได้ในเวลาต่อมาท่ามกลางความดีใจของชาวบ้าน


ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางเข้าพบที่บ้านของนางเซอพร้อมได้สอบถึงเหตุการณ์ในท่ามกลางชาวบ้านที่เดินทางเข้าเยี่ยมพร้อมกับสอบถามนางเซอซี่งได้สื่อสารผ่านล่ามที่สื่อสารภาษาลาหู่ ได้คำตอบว่านางเซอไม่ได้กินข้าวมา 2 วันเต็มๆ แต่นางเซอกับบอกว่าไม่มีอาการหิวแต่อย่างใดทั้งที่ไม่ได้อะไรกินในขณะที่หลงอยู่ในป่าแต่ดูลักษณะอาการที่ซูบผอมและเหนื่อยหล้านางเซอตอบยืนยันว่าไม่มีอาการเหนื่อยแต่อย่างใด
ต่อมา นายเสน่ห์ ภักดี นายกเทศมนตรีเทศบาลบ้านดู่ จึงให้นำนางเซอนำส่งโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเพื่อตรวจร่างกายซึ่งเกรงว่าจะมีไข้ป่าหรือ(ไข้มาลาเรีย)ซึ่งได้ถูกยุงป่ากัดในเบื้อต้นต่อไป