เจ้าของโรงงานร้องเท้าไฟไหม้เผยไม่เคยพูดว่าจะลอยแพพนักงาน ยันขอสู้ต่อ
จากกรณีเมื่อช่วงหัวค่ำของวันนี้ที่ 19 ตุลาตม 2564 ได้เกิดเหตุไฟไหม้บริษัท วัฒนา ฟูตแวร์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรองเท้า ตั้งอยู่ในภายในซอย กิ่งแก้ว 9 /1 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และโรงงานใกล้เคียงได้รับความเสียหายกว่าร้อยล้านบาท และมีกระแสข่าวว่าทางโรงงานจะลอยแพพนักงานกว่า 200 ชีวิตนั้น ล่าสุดเจ้าของโรงงานออกมายัน ไม่เคยพูดและไม่มีความคิดที่จะทำแบบนั้น ส่วนกระแสข่าวที่ว่าเป็นการเผาเอาเงินประกันหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าถึงแม้จะกระทบเรื่องโควิค 19 แต่ยังมีผลกำไลอยู่กว่าครึ่ง ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องเพื่อเอาเงินประกัน และขอรับรองจะดูแลพนักงานทุกคนตามกฎหมาย
คืบหน้าล่าสุดในวันนี้ที่ 21 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบภายในบริษัท วัฒนา ฟุตแวร์ จำกัด ที่เกิดเหตุไฟไหม้ พบว่าเครื่องจักรเกิดความเสียหายจากความร้อนเกือบทั้งหมด โครงสร้างของอาคารเสียหาย ซึ่งทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกหนังสือให้หยุดประกอบกิจการทั้งหมด มาปิดประกาศไว้ที่หน้าโรงงานตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
นายกิตติ จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการของโรงานเปิดเผยว่า จากข่าวที่มีพนักงานบางคนให้ข่าวว่า ทางโรงงานขอปิดกิจการ และจ่าค่าตอบแทนเพียงเดือนสุดท้ายเท่านั้น ตนขอชี้แจงว่า ตนไม่มีแนวคิดที่จะปิดโรงงาน ตนสร้างธุรกิจนี้มากว่า 30 ปี ดูแลพนักงานตามกฎหมายมาตลอด จนพนักงานหลายต่อหลายคนอยู่กันมานานถึง 30-40 ปี แต่การช่วยเหลือต้องขอเวลาให้ทางโรงงานรวบรวมข้อมูลในหลาย ๆ ด้าน เพื่อประเมินสถานการณ์ของทางโรงงานก่อน แต่อาจเป็นเพราะข้อความห่วงใยของตนที่บอกผ่านเจ้าหน้าที่ไปถึงพนักงานว่า ตอนนี้โรงงานไฟไหม้ จึงต้องขอปิดก่อนให้ทุกคนกลับบ้าน และจะจ่ายเงินเดือนของเดือนนี้ตามปกติ ส่วนเดือนถัดไปค่อยมาหารือกันใหม่อีกครั้ง จนมีพนักงานบางคนฟังไม่เข้าใจแล้วไปให้ข่าว แต่ถ้าถึงจุดที่ทางโรงงานไม่มีทางออก และต้องปิดกิจการจริงๆ ตนก็ขอยืนยันว่า จะชดเชยให้พนักงานทุกคนตามกฎหมายแน่นอน
ส่วนเรื่องมีกระแสข่าวว่า เผาเอาเงินประกันหรือไม่ ในเรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดแบบนี้ในหัวของตนเลย ตนสร้างธุรกิจนี้มาค้าขาย และทุกวันนี้ ถึงจะมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่ทางโรงงานของเราก็ยังมียอดขายเดือนละ 10-20 ล้านบาท ลดลงมาก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 19 เดือนละกว่า 40 ล้านบาท หากโรงงานต้องหยุดกิจการยิ่งนานเท่าไร ทางโรงงานยิ่งขาดโอกาสทางการตลาดมากเท่านั้น
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีสารเคมีภายในโรงงานขณะเกิดเพลิงไหม้ ฟุ้งกระจายไปในอากาศนั้น ตนยืนยันว่า สารเคมีบางชนิดที่ใช้ในการผลิต อย่างเช่น ทินเนอร์ ซึ่งมีปริมาณไม่มาก ทางโรงงานจัดซื้อมาเท่าที่ใช้ในการผลิตเท่านั้น ไม่มีการสั่งมาเก็บสต็อก และขณะเกิดเพลิงไหม้ และหลังเกิดเพลิงไหม้ ทางกรมควบคุมมลพิษได้มาตรวจวัด และมีผลรับรองออกมาแล้วว่าไม่เกินระดับอันตรายต่อสุขภาพ และทางโรงงานเองก็ได้ทำประกันภัยไว้วงเงิน 142 ล้านบาท ซึ่งต้องเจ้าหน้าที่หลาย ๆ ฝ่ายเข้าตรวจสอบร่วมกัน เพื่อเป็นหลักฐานว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้มาจากสาเหตุใดกันแน่
**********************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ 089-6955389