ข่าวพาดหัวทะเลาะวิวาททุกข์ชาวบ้าน

สนามกอล์ฟ“สตาร์โดม” ยังอึมครึม เจ้าของพื้นที่ขึ้นป้ายประกาศแจ้งผู้รับสัมปทานบริหารสนามกอล์ฟฯ ให้ยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่

ต่อสัญญาเช่าสนามกอล์ฟ“สตาร์โดม” ยังอึมครึม เอกชนครวญถูก รีดค่าเช่าขึ้น 500% ถ้าจะต่อสัญญาพร้อมขึ้นป้ายไล่ผู้รับสัมปทานออกนอกพื้นที่ พนักงาน ลูกจ้าง แคทดี้ ร่วม 300 ชีวิต ยังไม่ทราบชะตากรรม ลูกค้า-เมมเบอร์นักกอล์ฟนับพันคนเคว้ง ขณะที่ผู้บริหารฯ ยันไม่ออกพื้นที่เด็ดขาดพร้อมเปิดทำการปกติ ยันมีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญาเช่า 30 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากทางกองบิน 41 ในนามของกองทัพอากาศ เจ้าของพื้นที่สนามกอล์ฟพิมานทิพย์ (สตาร์โดม) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ขึ้นป้ายประกาศแจ้งเจ้าของผู้รับสัมปทานบริหารสนามกอล์ฟฯ (คู่สัญญาเช่าพื้นที่) ให้ยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ภายในวันนี้ (31 ก.ค.63) โดยมีข้อความว่า แจ้งยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ ตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุญาตให้ “บริษัท เดอะ สตาร์โดมจำกัด” ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของกองบิน 41 และสัญญาอนุญาตได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 30 เมษายน 2563 นั้นบัดนี้ ได้สิ้นสุดระยะเวลาตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุโลมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า การให้บริการสนามฝึกช้อมกอล์ฟในนาม “เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์”จะสิ้นสุดลงอย่างป็นทางการใน 31 กรกฎาคม 2563 นี้ และกองบิน 41 จะปิดพื้นที่อย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไปกองบิน 41 สงวนสิทธิ์ไม่มีความกี่ยวข้องกับการดำเนินการหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ระหว่างผู้ประกอบการพนักงาน ลูกจ้างหรือลูกค้าที่มีต่อ”เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกข้อมกอล์ฟพิมานทิตย์” ทั้งสิ้น จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันภายหลังจากมีประกาศดังกล่าว ได้สร้างความสับสนให้กับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารสนามกอล์ฟพนักงาน ลูกจ้าง และลูกค้านักกอล์ฟอย่างมาก

ต่อมาทางผู้บริหารสนามกอล์ฟฯ นำโดย ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ จึงแจ้งเปิดการแถลงชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ณ บริเวณภายในสนามกอล์ฟสตาร์โดมฯ มีผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ร่วมประชุม โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ามีสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย.ทสห.บน.41 จำนวนกว่า 20 นายมาสังเกตการณ์ และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง และไม่อนุญาตให้มีการแถลงข่าวใดๆ อ้างว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของทหารอากาศเป็นพื้นที่หวงห้าม หากจะแถลงต้องทำเรื่องขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน โดยเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อมา ดร.พรรณิภาฯ ได้นำคณะผู้บริหาร พร้อมพนักงาน และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งแคทดี้กว่า 300 ชีวิตเข้ากราบสักการะศาลพระภูมิภายในสนามกอล์ฟเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนพากันเดินออกจากพื้นที่นอกประตูสนามกอล์ฟเพื่อให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

ดร.พรรณวิภา เปิดเผยว่า บริษัทสตาร์โดมฯ ได้ชนะการประมูลได้รับสิทธิ์การบริหารสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นเวลา 30 ปี (ปี2550-2580) ก็ได้บริหารเรื่อยมา บริษัทฯ ใช้เงินกว่า 200 ล้านบาท ลงทุนสร้างสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 9 หลุม ช่องไดร์ฟกอล์ฟ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ ต่อมาได้รับแจ้งจากทางกองทัพอากาศว่าสัญญาเดิม 30 ปี ยาวนานเกินไป เกรงจะมีข้อจำกัดต่างๆ จึงขอให้ต่อสัญญาทุกๆ 3 ปี และทุกสัญญาจะขอปรับเพิ่มค่าเช่าขึ้น 5% เราก็ยอมรับทำตามเรื่อยมา สัญญาล่าสุดต่อปี 60-63 ครบกำหนดแล้ว ก็ได้รับแจ้งมาอีกว่าขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดสัญญาเช่าใหม่ โดยขอปรับค่าเช่าขึ้น 500% และระบุว่าเนื้อหาในสัญญาจะถูกปรับแก้เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงพื้นที่เช่าส่วนไหนจะถูกตัดปรับแก้อย่างไรก็เป็นของกองทัพอากาศด้วย ตรงนี้เราจะรับได้อย่างไร

ดร.พรรรวิภา กล่าวอีกว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด ผลประกอบการรายได้เราลดลงอย่างมาก อยู่กันอย่างยากลำบาก เราได้เข้าไปเจรจากับคู่สัญญาฯ เพื่อขอความเห็นใจ การเจรจาก็ไม่เป็นผล แถมทางคู่สัญญายังได้แจ้งอีกว่าจะเปิดประมูลให้เอกชนรายใหม่เข้ามาบริหาร โดยเปิดโอกาสให้สตาร์โดมมีสิทธิ์ร่วมการประมูลสัมปทานครั้งใหม่ ทั้งที่เรามีสัญญายาวถึงปี 2580 ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร เราต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ“พนักงานเรา 300 ชีวิตจะอยู่ยังไง เราเป็นเอกชนไม่อยากจะมีเรื่องกับส่วนราชการอยู่แล้ว โดยเฉพาะทหารใครๆ ก็รู้ดี เราไม่อยากถูกรังแกจึงอยากขอความเห็นใจ ขอยืนยันว่าเราจะไม่ไปไหน จะเปิดให้บริการตามปกติ เพราะเรามีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญา” ดร.พรรวิภา กล่าว อย่างไรก็ตาม ทางสื่อมวลชนยังไม่ได้รับข้อมูลชี้แจงใดๆ จากกองทัพอากาศหากมีความคืบหน้าจะนำเสนอให้ทราบต่อไป