แฟนหนุ่มอารมณ์ร้อนบุกพังบ้านยับ ย่านท่าข้าม
วันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 20.20 น.
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 น.ส. ณภัค อายุ 39 ปี เจ้าของบ้านหลังหนึ่งภายในซอย ท่าข้าม ได้ทำการไลฟ์สดผ่านเพจเฟสบุคส่วนตัวขอความช่วยเหลือโดยภายในเนื้อหาของคลิปดังกล่าวได้บันทึกภาพชายคนหนึ่งกำลังถืออาวุธเป็นลักษณะค้อน กำลังทุบพังทรัพย์สินภายในบ้านของเธออยู่แล้วเธอได้ไลฟ์สดขอความช่วยเหลือโดยยังกล่าวว่า ” ทำไม เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงมาระงับเหตุช้าจังบ้านของเธอกำลังจะพังหมดแล้ว ” และ ยังได้บอกกล่าวให้ผู้ที่อยู่ภายในโลกโซเชี่ยลช่วยเหลือโดยการแชร์ขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ให้มาช่วยระงับเหตุให้หน่อย และเนื้อหายังดำเนินไปถึงขั้นถกเถียงกันอย่างรุนแรงแล้วหยาบคายอีกด้วยโดยทางด้านฝ่ายผู้ก่อเหตุยังมีทีท่ายียวนแล้วในมือยังถืออาวุธค้อนตลอดเวลาอีกด้วย
เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันนี้ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้โดยทันที เมื่อผู้สื่อข่าวมาถึงที่เกิดเหตุพบว่าที่เกิดเหตุนั้นอยู่ภายในบริเวณบ้าน ซอย ท่าข้าม แขวง แสมดำ เขต บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พบกับเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวทราบชื่อต่อมาชื่อ น.ส. ณภัค อายุ 39 ปี จากการพูดคุยกันแล้วท่าของเธอผู้นี้ยังมีอาการตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลย และ ยังพาผู้สื่อข่าวเข้าไปสำรวจความเสียหายภายในบ้านทั้งหมดพบว่ามีทรัพย์สินภายในบ้านของเธอนั้นได้รับความเสียหายหลายรายการ และ บริเวณห้องน้ำถูกทุบทำลายหลายแห่งกระจกรอบบ้านแตกหลายบาน ภายในห้องลูกสาวคนโต เค้าเคยเขียนข้อความ ตัดพ้อไว้ว่า ” ไข่มุกไม่รักป๊า ต้องการให้ป๊าหมดอิสระภาพ ” เขียนไว้นานแล้ว เคยลบออกแต่ลบไม่หมด ยังหลงเหลือเห็นลางๆ ส่วนความเป็นมาของเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากฝีมือของสามีของเธอเอง แล้วตัวเธอเองยังได้รับบาดเจ็บจากการโดนทำร้ายร่างกายหลายแห่งซึ่งเธอนั้นมีหลักฐานเป็นใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลบางประกอก 8 และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเธอเองไปแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้แล้วที่ สน.ท่าข้าม และยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะดำเนินการตามกฎหมายกับสามีของเธอให้ถึงที่สุด แล้วจะฟ้องหย่าอีกด้วย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วและเธอก็โดนสามีคนนี้ทำร้ายร่างกายและจิตใจมาหลายรอบแล้วด้วยจึงไม่อาจจะให้อภัยได้อย่างแน่นอน ส่วนลูกสาวทั้งสองคนของเธอก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยตลอด ตอนนี้เธอเองเป็นห่วงเรื่องจิตใจของลูกสาวทั้งสองคนเป็นอย่างมากจึงไม่อยากจะอยู่ร่วมกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
จากการสอบถาม น.ส. ณภัค อายุ 39 ปี ผู้เสียหายและได้รับบาดเจ็บ บอกเล่าว่า ตนได้ถูกสามีทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สินภายในบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 10 โมงเช้า ตอนนั้นตนอยู่บ้านพี่ชาย ซึ่งอยู่ถัดมาด้านหลังของบ้านตน สามีตนได้มาถึงบ้าน น่าจะพยายามเปิดประตูบ้าน แต่ไม่สามารถเข้าบ้านได้ จึงใช้ค้อนอันเล็กๆ มาทุบตั้งแต่ประตู และเข้ามาทุบตีทรัพย์สินในบ้านทุกอย่าง หน้าต่างประตูกระจก โทรทัศน์ เครื่องปริ้นท์ ของใช้ในห้องครัว หรือแม้กระทั่ง โถส้วมในห้องน้ำ ทุบพังทุกสิ่งอย่าง ที่ทำลายข้าวของวันนี้น่าจะมาจากความโมโห แต่ก่อนหน้าที่ เคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อนแล้ว เรื่องก็คือ ตนจับได้ว่า ไปมีผู้หญิงทางไซส์ไลน์ เดือนนึงประมาณ 20 ครั้งได้ เพราะตนดูจากการโอนสลิป ในแต่ละเดือน แล้ว ตนทำงานมีลูกค้ามีโอนจ่ายตนจะให้โอนเข้าบัญชีเค้า เพราะตนยังให้เกียรติเค้า เค้าเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน เป็นผู้นำครอบครัว แต่ไม่เลย เค้าไม่โอนกลับมาให้ตน แต่กลับเอาไปใช้กับผู้หญิงอื่น แล้วยังรู้มาว่า ติดยาเสพติดด้วย ตนก็ขอแยกทาง ขอหย่า แต่เค้าก็ไม่ยอมหย่า ก็แยกกันอยู่มาเรื่อย เค้าอยู่บ้านหลังนี้ ตนกับลูกจะไปอยู่บ้านพี่ชาย ด้านหลัง แต่ก็จะตามมาหาเรื่องตลอด จนตนเกรงใจพี่ชาย เพราะมีลูกเล็กอยู่ ตนก็พาลูกไปอยู่บ้านยายที่ปทุมธานี พอตนกลับมาบ้านนี้เพื่อมาเก็บของใช้ และ หาเอกสารรถ เพื่อเตรียมตัวจะไปทำงานเพราะตนหยุดงานมาหลายวัน แล้วมาวันนี้ เหมือนมีคนโทรบอกเค้า ว่าตนกลับมาบ้านนี้ ไม่รู้ว่าเค้ารู้ได้ยังไง เพราะก่อนหน้านี้ เค้าออกจากบ้านไปไม่น่าจะเกิน 7 วัน เค้าไปบ้านแม่เค้าที่ราชบุรี บอกแม่เค้าว่า คิดถึงลูก จะมาหาลูก ยืมรถแม่มา จะมาเก็บของเค้าด้วยแหละ แต่ของเค้าแพคซีนปิดกล่องไว้หน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว ตอนเกิดเรื่อง ตนได้ โทรแจ้งตำรวจเพื่อให้มาระงับเหตุ แต่ตำรวจมาถึง เค้าก็เลิกทำลายข้าวของแล้ว ตนพยายามยื้อถ่วงเวลา เพื่อรอตำรวจ ตนพยายามที่จะดึงลมยางออก เค้าเห็นก็เอาตัวมาเบียดตนเพื่อไม่ให้ตนดึงลมยางได้ แต่แรงผู้ชายตนก็ถูกกระแทกไปกับรถ จนตนล้มลง และ เค้าก็เอามือมาบีบหน้าตนช่วงคาง ซึ่งเค้ารู้จุดอ่อนตน ว่าตนเคยประสบอุบัติเหตุมา ยังไม่เข้าที่ดี ก็บีบตรงจุดที่คางบิด พอตำรวจมาถึงเห็นแค่เค้ากำลังขนของขึ้นรถ ก็ทำไรไม่ได้ ช่วงตอนที่ตนถูกบีบคอบีบคาง ลูกสาวคนโตเห็นก็มาช่วยดึงออก ลูกตนก็ฟกช้ำดำเขียวไปด้วย ตำรวจก็แค่บอกให้ใจเย็นๆ ทำไรไม่ได้ ตนจึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจก็ให้ตนไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลไว้ก่อน ตนก็ไป แต่ต้องรอเอกสารทางนิติเวชศาสตร์ อีกครั้งนึง ณ ขณะนี้ตนจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด และ จะแจ้งความข้อหา ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน และ จะฟ้องหย่า ส่วนการฟ้องหย่าตนเคยทำเรื่องฟ้องหย่าไปแล้ว แต่อยู่ระหว่างรอทนายดำเนินการอยู่
เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อกับทางผู้ก่อเหตุที่เป็นสามีของ นางสาว ณภัค ได้แล้ว และ ทางผู้เป็นสามียังกล่าวว่าขอให้เรื่องนี้ไปจบกันที่ชั้นศาล และ ก็ยังไม่อยากจะให้สัมภาษณ์อะไรมากในตอนนี้ แต่อย่างไรแล้วก็ยังมีการนัดพบกับผู้สื่อข่าวที่จังหวัดราชบุรีโดยตนจะไปตอบคำถามที่นั้นในวันพรุ่งนี้ ( 30 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. ) ส่วนเรื่องความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต้องรอให้ผู้เป็นสามีออกมาบอกเล่าความเป็นมาของเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้งเพื่อจะได้เป็นการรับฟังความทั้งสองฝ่าย และเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายด้วย แต่อย่างไรแล้วทั้งคู่ก็ควรที่จะหันหน้ามาพูดจากันดีๆ ยังไงเรื่องทั้งหมดก็ต้องเห็นแก่ลูกสาวทั้งสองคนซึ่งอยู่ในวัยเรียน และ กำลังจะก้าวสู่การเป็นวัยรุ่น
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.