กู้ภัยเร่งช่วยเหลือ สาวกัมพูชาลูก 2 คลุ้มคลั่งปีนหน้าต่างใช้เศษกระจกจี้คอตนเอง ย่านประชาอุทิศ
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 22.50 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งเหตุมีผู้หญิงพยายามทำร้ายตนเองด้วยการจะกระโดดจากที่สูงและภายในมือยังถือเศษกระจกจี้คอตนเองอีกด้วย เหตุเกิดภายในซอยประชาอุทิศ จึงเร่งรัดจัดกำลังพร้อมประสานอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่ออาสาสมัครพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปถึงที่เกิดพบเหตุเกิดบริเวณอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นลักษณะแบ่งเป็นห้องให้เช่า ซอย ประชาอุทิศ ถนน ประชาอุทิศ แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสอบแล้วพบผู้ก่อเหตุเป็นหญิงชาวกัมพูชา 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อ นางสาว น้ำ อายุ ประมาณ 20-25 ปี อยู่บนระเบียงหน้าต่างห้อง ชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นห้องพักของตนเอง ในลักษณะคลุ้มคลั่งมีอาการร้องไห้อยู่ตลอดเวลาพูดจาไม่รู้เรื่อง มีทีท่าว่าจะกระโดดลงมาอยู่ตลอดชาวบ้านที่มามุงดูกันเป็นจำนวนมากต่างก็ร้องตะโกนห้ามกันเสียงดังลั่น ส่วนที่มือของ นางสาว น้ำ ยังถืออาวุธลักษณะเป็นเศษแก้วของบานเกล็ดหน้าต่างห้องของตนเองกวัดแกว่งไปมาแล้วในบางครั้งจะนำขึ้นมาจี้คอตัวเองอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่ประมาณ 20 นาที จนกระทั่ง นางสาว น้ำ เผลอจังหวะนั้นอาสาสมัครกู้ภัยจึงตัดสินใจล๊อคคอแล้วนำตัวเข้ามาภายในห้องได้อย่างปลอดภัย แต่ นางสาว น้ำ ยังอยู่ในอาการหวาดกลัวและคลุ้มคลั่งอยู่ตลอดเวลาได้แต่นั่งร้องไห้และไม่พูดจาอะไรเลย เจ้าหน้าที่จึงให้ญาติมาอยู่เป็นเพื่อนและคอยเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลาเกรงว่า นางสาว น้ำ จะก่อเหตุคิดสั้นขึ้นมาอีกถ้าต้องอยู่คนเดียวภายในห้อง
จากการสังเกตุภายในห้องพักดังกล่าวพบร่องรอยของการต่อสู้และรื้อค้น มีรอยเลือดหยดอยู่ทั่วทั้งห้องและผนังห้อง บนที่นอนจะมีรอยเลือดกองใหญ่อยู่เยอะมากเป็นลักษณะเลือดสดๆที่ยังไม่แห้ง จึงคาดว่าจะมีการทำร้ายกันก่อนภายในห้องแล้ว นางสาว น้ำ ถึงกับสติแตกจนถึงขั้นทุบบานเกล็ดหน้าต่างแล้วปีนออกไปด้านนอก จนเป็นเหตุการณ์อย่างที่เห็น ผู้ที่พักอาศัยภายในตึกหลังเดียวกันต่างก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ทะเลาะกันระหว่างผัวเมีย แล้วทะเลาะกันบ่อยมากแต่วันนี้เเรงมากถึงขั้นลงมือลงไม้กันจนเลือดตกยางออกขนาดนี้ และต่างก็สงสารลูกของ นางสาว น้ำ ที่ยังเล็กอยู่ทั้ง 2 คนแล้วยังเป็นเด็กผู้หญิงทั้งคู่
จากการสอบถาม นางสาว พงษ์ภิญญา อายุ 53 ปี เป็นน้องสาวของเจ้าของตึก บอกเล่าว่า ตนได้ยินเสียงทะเลาะกัน ปึงปังปึงปัง เลยออกมาดู ทำอะไรกันไม่รู้เสียงดัง แล้วแฟนเค้าโดนอะไรที่แขนไม่รู้ มีเลือดออก แล้วแฟนเค้าก็ออกไป เพราะตนไล่ออกจากตึกไปก่อน เหมือนผู้หญิงจะสติแตกอยู่เพราะแฟนจะมาทำร้ายอีก ก่อนหน้านี้ก็ทะเลาะกันบ่อย แต่ครั้งนี้เป็นมากกว่าทุกครั้ง เหมือนหวาดกลัวอะไรซักอย่าง จึงปีนต้องปีนหน้าต่างหนี
เมื่อสอบถามจากอาสากู้ภัยที่ขึ้นไปช่วยใช้รหัส กู้ภัยบูรณะ 011ชื่อนาย โสรส อดิลักษณ์สกุล อายุ 37 ปี บอกเล่าว่า ตนได้รับแจ้งว่ามีผู้จะทำร้ายตนเองด้วยการกระโดดตึก ภายในซอยประชาอุทิศ จึงรีบมาตรวจสอบ มาถึงก็เห็นคนมุงดูและตะโกนให้ลงมา เป็นผู้หญิงยืนอยู่นอกหน้าต่างบานเกล็ด ชั้น 3 มีอาการหวาดกลัว คลุ้มคลั่ง ในมือถือเศษกระจก จี้คอตนเองอยู่ตลอดเวลา ตนจึงขึ้นไปบริเวณหน้าห้องพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนก็พยายามงัดประตูเพราะล๊อคจากข้างใน ตนเลยใช้ไม้งัดและดันออก เลยเข้าไปตรงหน้าต่าง เป็นจังหวะที่ น้องผู้หญิงยืนหันหลังให้ ตนจึงคว้าตัวไว้แต่น้องผู้หญิงก็พยายามดิ้นออก ตนจึงดึงช่วงกางเกงให้ขึ้นมาและดึงตัวเข้าไปในหน้าต่างได้เป็นผลสำเร็จ แต่ก็ยังมีอาการหวาดกลัวอยู่จึงให้เพื่อนที่ิอยู่ห้องข้างๆและสนิทกัน อยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบขวัญให้ใจเย็นลง ส่วนสภาพภายในห้องพัก ก็มีรอยเลือดหยดเป็นหย่อมๆ ข้าวของกระจัดกระจาย บ่งบอกว่าทะเลาะกันรุนแรง แต่จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่มีร่องรอยบาดแผล แต่รอยเลือดที่เห็นเป็นของแฟนเค้า ไม่ใช่ของน้องผู้หญิง
นาย สำลี อายุ 24 ปี เป็นพี่เขย ทำงานที่โรงพิมพ์แห่งหนึ่ง บอกว่า น้องชายตนโทรมาบอกว่าทะเลาะกัน ให้มาดูหน่อย ตนจึงรีบมาดู ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอรู้ว่าชอบทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่ิองอะไร เพราะเรื่องผัวเมียตนก็ไม่อยากจะยุ่ง น้องเขยและน้องสะใภ้ทำงานอยู่ร้านเก็บของเก่าข้างๆนี้ ทั้ง 2 คน น้องชายตนชอบกินเหล้า ทุกครั้งที่กินก็จะทะเลาะกันประจำ แต่ครั้งนี้คงหนักกว่าทุกครั้ง แต่ตนก็ยังไม่รู้เรื่ิองราวอะไรมากนัก เพราะตนเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้ขึ้นไปพูดคุยด้วยเลย
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่มอบให้ญาติรับดูแลต่อไปจนกว่าอาการเครียดของ นางสาว น้ำ จะดีขึ้น ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องรอการให้ข้อมูลทั้งหมดจาก นางสาว น้ำ ก่อนจึงจะสรุปได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร และทางด้านสามีของ นางสาว น้ำ เจ้าหน้าที่จะติดตามมาสอบถามเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนเบื้องต้นสันนิษฐานมูลเหตุว่าเกิดจากเรื่องความไม่เข้าใจกันเองของครอบครัวจึงเกิดการทะเลาะวิวาทกัน แล้วอาจจะพลั้งมือไปทำร้ายกัน สามีของนางสาว น้ำ ก็เลยหนีออกจากห้องไปส่วน นางสาว น้ำที่อยู่ในอาการกลัวและตกใจ ก็เลยอาจจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้นก็เป็นได้แต่อย่างไรแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดต้องสอบถามจากทั้งสองคนอีกครั้งถึงจะสรุปสาเหตุที่เเท้จริงได้ จากนั้นถึงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.