เจ้าท่าสมุทรปราการกู้ซากเรือบรรทุกสินค้าที่ถูกชนจมกลางแม่น้ำเจ้าพระยา กู้ได้สำเร็จแล้ว
จากกรณีเรือบรรทุกสินค้า เอ็ม.วี.โอ.พี.เค. 3 ที่บรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์มาเต็มลำ ถูกเรือกลบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ เอ็น พี ปทุมธานี ชนเข้ากาบเรือด้านซ้ายจนเรือทะลุและจมอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระหน้าศาลากลาง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังเกิดเหตุหลายหน่วยงานเร่งแก้ไขโดยการ โดยการนำเรือเครนขนาดใหญ่มาทำการขนถ่ายตู้คอนเทรนเนอร์ที่ภายในบรรทุกสินค้ากว่า 51 ตู้ขึ้นเรือบาส และทำการกู้ซากเรือ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อกลางดึกเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่เจ้าท่าสาขาสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการกู้ซากเรือลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้สำเร็จ โดยใช้นักประดาน้ำดำลงไปทำการเชื่อปิดรอยแตกของกาบเรือที่ถูกชนจนกาบเรือแตกขนาน 1X 1เมตร ก่อนที่จะใช้เครื่องสูบน้ำขนานใหญ่จำนวน 2 เครื่อง และขนาดเล็กอีกเกือบ 10 เครื่องทำการสูบน้ำออกโดยใช้เรือเครนขนาดใหญ่พยุงตังเรือเอาไว้
จนกระทั่งล่าสุดเวลา 10.30 น.ของวันนี้ที่ 5 พฤศจิกายน 2564 นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าสาขาสมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าเจ้าท่าสมุทรปราการและกำลังทหารจากกองทัพเรือกว่า 30 นาย พร้อมเรือตรวจการณ์จำนวน 3 ลำ ได้เข้าควบคุมการลากเรือบรรทุกสินค้าลำดังกล่าว ไปจอดที่เทียบอยู่ที่ท่าเรือสุขสวัสดิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร เพื่อรอเจ้าของเรือติดต่ออู่ให้นำเรือไปซ่อม โดยใช้เวลาในการลากจูงนานกว่า 1 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทางคณะกรรมการที่สำนักกรมเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 อยู่ระหว่างการสอบสวนซึ่งคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายใน 10 วัน
นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าสาขาสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า สำหรับภารกิจของวันนี้เราได้เริ่มทำการลากจูงเรือออกมาจากจุดที่เรือจมบริเวณฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ โดยใช้เรือลากจูง และ มีเรือของทหารเรือมาช่วย ในการปฏิบัติภารกิจ และ อำนวยความสะดวกระหว่างเดินทางในครั้งนี้ โดยนำเรือลำดังกล่าวมาจอดเทียบที่ท่าเรือสุขสวัสดิ์ หลังจากเมื่อคืนนี้เราได้ทำการกู้เรือลำดังกล่าวให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้ในช่วงเที่ยงคืนเศษโดยมีการปฏิบัติการมาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวานนี้ ส่วนปัญหาอุปสักก็มีบ้างโดยเฉพาะเรือเครนที่มีน้ำมายก ซึ่งสามารถรับน้ำหนักโหลดได้ประมาณ 120 ตัน แต่ว่าตู้บรรทุกสินค้ามันมีน้ำหนักบวกกันน้ำด้วยและทำงานต่อเนื่องทำให้เครนเกิดปัญหาเล็กน้อย ส่วนอีกประเด็นคือการลงไปเกี่ยวตู้คอนเทรนเนอร์ที่จมน้ำต้องใช้ประดาน้ำลงไปเกี่ยวทั้งหมด 4 จุดต่อ 1 ตู้ ก่อนที่จะยกตู้ขึ้นมาได้มันก็เลยเป็นปัญหาและอุปสักอย่างหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ก็สามารแก้ไขปัญหาได้และคลี่คลายปัญหาดังกล่าวจนผ่านมาได้ และทำได้ตามกำหนดเวลาที่ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายมา ส่วนแนวทางในการสอบสวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทางสำนักงานกรมเจ้าท่า ภูมิภาค ที่ 6 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุ ซึ่งเมื่อวานนี้ ได้เชิญคนประจำเรือทั้ง 2 ลำ มาให้ข้อมูล และต้องรอสรุปสาเหตุที่เกิดขึ้น ภายใน 10 วัน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป
*****************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ 089-6955389