ข่าวพาดหัวฆ่าตัวตายอาสาสมัครหน่วยกู้ชีพ-กู้ภัย

อดีตคนขับรถแท็กซี่เครียดป่วยมะเร็งระยะที่ 4 พุ่งหลาวใส่รถไฟหัวหลุดกระเด็นดับสลด ย่านเอกชัย

อดีตคนขับรถแท็กซี่เครียดป่วยมะเร็งระยะที่ 4 พุ่งหลาวใส่รถไฟหัวหลุดกระเด็นดับสลด ย่านเอกชัย

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 20.23 น.

พ.ต.ท. วสุ น้อยเจริญ รอง. ผกก. สอบสวน. สน.ท่าข้าม รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากการถูกรถไฟชนบริเวณท้าย ซอย เอกชัย 51 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดบริเวณทางรถไฟสาย วงเวียนใหญ่ – สมุทรสาคร บริเวณท้ายซอย เอกชัย 51 แขวง บางบอน เขต บางบอน กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสอบแล้วพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาชื่อ นาย สุรชัย อายุ 44 ปี ในสภาพศพ นอนตะแคงข้างคุดคู้อยู่บริเวณกลางรางรถไฟในลักษณะสภาพศพร่างกายแหลกเหลว หัวขาดกระเด็นออกจากตัว ไปไกลถึง 20 เมตรไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นลายการ์ตูน และใกล้กันยังพบกับรถไฟ หัวรถจักรสีส้มวิ่งจากสมุทรสาคร มุ่งหน้าสถานีวงเวียนใหญ่ พนักงานคนขับรถไฟขบวนดังกล่าวได้จอดรถแล้วลงมาถ่ายภาพเบื้องต้นและจดบันทึกภายในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากรางรถไฟแล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ และได้เคลื่อนขบวนรถไฟมุ่งหน้าไปสถานีวงเวียนใหญ่ทันที

สอบถามจากคนที่อยู่บ้านแถวนี้ชื่อนาย โป้ง อายุ 42 ปี บอกว่า ตอนรถไฟมา ตนอยู่ในบ้าน แล้วรถไฟชะลอจอดที่หน้าบ้านตน ตนจึงออกมาดู คนขับรถไฟลงมาถามตนว่า รู้จักคนหัวโล้นๆมั้ย ตนก็ว่า มีไรหรอ คนขับบอกว่า กี้นี้ ตอนรถไฟมา เค้ากระโดดใส่รถไฟ ตอนนี้เสียชีวิตอยู่ที่รางรถไฟ ตนจึงเดินไปดู ตอนแรกใจก็ไม่อยากจะคิดว่าเป็นคนแถวนี้ แต่พอดูก็ใช่ คนที่ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย ปกติก็จะนอนอยู่แต่ในบ้าน แต่คิดว่าคงไม่อยากอยู่ทรมานเลยคิดสั้นแบบนี้ ตนเห็นมาจนชินแล้ว เลยไม่ตกใจเท่าไหร่

และลุงข้างบ้าน ชื่อนาย สวิง อายุ 71 ปี บอกว่า ได้ยินเสียงรถไฟเบรค เค้าก็บอกมีรถไฟชน ตนก็เดินมาจะเข้าบ้าน เพราะบ้านตนกับบ้านคนตายอยู่ติดกัน แต่ตนไม่ได้เดินไปดูว่าสภาพเป็นแบบไหน เมื่อก่อนเค้าขับแท๊กซี่ เมียขายปลาแห้ง แต่เค้าขับไม่ไหวแล้ว ไปหาหมอเกือบทุกวัน เมียก็หยุดขาย เพิ่งจะไปขายวันนี้เอง แต่บ้านนี้เค้านิสัยดี แต่เค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายด้วย เวลาเจอหน้ากันก็ทักทายพยักหน้าให้ปกติถามไถ่บ้าง

ส่วน น.ส.รุ่งนภา อายุ 38 ปี เป็นภรรยา บอกว่า เค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เพิ่งไปทำคีโมมา ไม่มีแรงจะนอนอยู่กับบ้าน วันนี้ตนออกไปขายของที่ตลาดตามปกติ แล้วพี่สาวโทรมาบอกว่า แฟนโดนรถไฟชน จึงรีบกลับมา เมื่อก่อนเค้าขับรถแท๊กซี่ พอป่วยก็ไม่ได้ขับแล้ว ตนก็ดูแลมาตลอด มีบ่นบ้างด้วยโรคเค้า ไม่คิดว่าเค้าจะเดินออกมา เพราะปกติจะนอนแต่ในบ้าน บ้านเค้าอยู่ที่บางบัวทอง เค้ามาอยู่กับตนที่บ้านนี้

แล้วได้คุยกับคนที่พักอาศัยในย่านนี้ ชื่อนาย เสน่ห์ อายุ 74 ปี บอกว่า ตนพักอยู่แถวนี้ จะเจอเรื่องแบบนี้บ่อยมาก ครั้งก่อนก็เพื่อนของตนที่โดนรถไฟทับ คราวนี้ก็มีอีกเป็นคนบ้านอยู่แถวนี้เลย แต่ตนก็ไม่ค่อยได้เห็นหรอก เพราะเค้าอยู่แต่ในบ้าน เห็นว่าป่วยเป็นมะเร็งนะ ตอนนั้นตนก็เห็นรถไฟชะลอหยุด และเห็นคนขับเดินลงมา ก็บอก รถไฟมาถึงบริเวณตรงนี้ แล้วจู่ๆ ก็มีคนกระโดดเข้าหารถไฟเลย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวช ตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตแล้วพบบาดแผลหลายแห่งบริเวณทั่วร่างกาย แล้วยังพบว่ามีกระดูกหักหลายส่วน ส่วนบริเวณศรีษะนอกจากจะขาดออกจากร่างกายแล้วยังมีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณศรีษะด้วย จึงมอบหมายให้อาสาสมัครนำร่างผู้เสียชีวิตพร้อมส่วนศรีษะ ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวช ก่อนจะมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ญาติมารับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวภรรยาไปสอบถามเพิ่มเติมถึงแรงจูงใจในการตัดสินใจครั้งนี้ของผู้ตายอีกครั้งที่ สน.ท่าข้าม และจากการสันนิษฐานถึงสาเหตุของการเสียชีวิตเบื้องต้นจากพยาน และทางญาติได้บอกเล่าตรงกันว่าผู้ตายเกิดความเครียดจากปัญหาทางด้านสุขภาพ และป่วยเป็นมะเร็งในระยะที่ 4 แล้วตนเองก็เกรงที่จะเป็นภาระให้กับครอบครัว จึงทำให้ตัดสินใจจบชีวิตด้วยตนเอง แต่อย่างไรแล้วต้องรอผลจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนและต้องรอผลชันสูตรจากทางด้านนิติเวช อย่างละเอียดอีกครั้งถึงจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ต่อไป

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.