กลุ่มอาสากู้ชีพกู้ภัยรวมตัวเข้าแจ้งความเรื่องเบอร์ที่โทรเข้ามาแจ้งเหตุเท็จ ทำให้พนักงาน กลุ่มอาสา และประชาชนเดือดร้อน สน.ราษฎร์บูรณะ
วันที่ 5 ส.ค.63 เวลา 21.50 น. พ.ต.ท.ชาญกฤษ เย็นทวีวิจิตร พนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้รับแจ้งความจาก นายมนัส นาคนัตถ์ อายุ 48 ปี เป็นหัวหน้าศูนย์วิทยุกู้ชีพบูรณะ โรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ ว่า มีผู้ที่ชอบโทรศัพท์แจ้งเหตุเท็จ ไปยังสายด่วน 191 ศูนย์กู้ชีพเอราวัณ และศูนย์วิทยุตำรวจในพื้นที่ ศูนย์กู้ชีพบูรณะ โรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ ทำให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครทุกหน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ต้องได้รับความเดือดร้อน จากการแจ้งเหตุบุคคลคนดังกล่าวบ้าง แจ้งอุบัติเหตุทางรถยนต์ แจ้งเหตุเพลิงไหม้ แจ้งเหตุผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย ที่อยู่ในพื้นที่ต้องใช้ความเร็วและอุปกรณ์เพื่อจะไปช่วยเหลือหรือระงับเหตุที่ได้รับแจ้งมาจากบุคคลที่ไม่หวังดี โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือโทรศัพท์มือถือ หมายเลข 095-867-3032 และ 097-227-2192 หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวที่เป็นหมายเลขที่บุคคลไม่หวังดีโทรเข้ามาแจ้งเหตุอยู่บ่อยครั้ง
นายมนัส นาคนัตถ์ อายุ 48 ปี เป็นหัวหน้าศูนย์กู้ชีพบูรณะ โรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ บอกเล่าว่า “วันนี้ผมพาอาสามาแจ้งความเรื่องที่มีคนใช้เบอร์โทรศัพท์โทรแจ้งเหตุเข้าไปที่ศูนย์กู้ชีพบูรณะ และที่ศูนย์ผ่านฟ้า โทรเข้าไปแจ้งเท็จ ในพื้นที่ สน.ราษฎร์บูรณะ สน.ทุ่งครุ และ สภ.พระประแดง แล้วทำให้อาสาที่ไปแล้วไม่พบเหตุ จำนวนหลายครั้งต่อวัน อย่างเช่นวันนี้ แจ้งว่ามีเหตุกลุ่มควันในซอยราษฎร์บูรณะ 44 แล้วยังบอกว่ามีคนติดค้างอยู่ในอาคาร ซึ่งทำให้อาสาที่วิ่งไปใช้ความเร็วซึ่งจะเป็นอันตรายได้ ส่วนมากจะใช้เบอร์เดิมเบอร์เดียวทั้งที่โทรไปศูนย์กู้ชีพบูรณะและผ่านฟ้า ไม่ทราบจุดประสงค์เหมือนกันว่า มีจุดประสงค์อะไรที่โทรมาแจ้งเท็จแบบนี้ แตการกระทำแบบนี้มันมีผลกระทบต่อกลุ่มอาสาที่วิ่งไปเหตุ จะเกิดอันตรายได้ ถ้าใช้ความเร็วในการไปช่วยเหลือให้ทัน มีผลกระทบต่อประชาชน ในส่วนของการใช้เส้นทาง และถ้าสมมุติได้รับแจ้งเหตุมาอีกเรื่อยๆ แล้วอาสาไปไม่พบเหตุ ผมจะกล้าแจ้งเหตุให้อาสาไปอีกหรอ ผมก็ไม่แน่ใจว่า มันเป็นเหตุจริงหรือเท็จอีก ถ้าเกิดมีผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วย หรือเหตุอื่นจริง ผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุด คือ ผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย เพราะต้องรออาสาไปช่วยนาน ถ้าอาการหนักจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ก็อยากจะฝากบอกคนที่กระทำแบบนี้อยู่ให้เลิกทำซะ อย่าแจ้งข้อความที่ไม่เป็นจริงเข้ามาเลย ตนก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมาย”
นายพรพิชัย เกิดกัน อายุ 33 ปี เป็นอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ใช้รหัส บางมด 002 เล่าว่า “ผมมีความรู้สึกว่า การที่กลุ่มอาสาได้รับแจ้งเหตุที่ไม่เป็นความจริงมา อันดับแรกคือ ผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บจะขาดโอกาสในการมาช่วยเหลือของกลุ่มอาสาในสถานะเร่งด่วนหรือเหตุฉุกเฉิน จะขาดโอกาสตรงนั้นไป 2.การที่พวกผมไปที่เกิดเหตุต้องใช้ความเร็วในการเข้าที่เกิดเหตุให้ได้ไวที่สุด มันมีมูลเหตุที่ว่า อาสาเปิดไฟเปิดเสียงเล่นกันหรือเปล่า ทำไมเวลาจะผ่านไฟแดง เปิดไฟ เปิดเสียงไปพอเลยไฟแดงก็ปิดเสียงปิดไฟ พวกผมไม่ได้เปิดเล่นกันนะครับ แต่บางเหตุ ไปแล้วแจ้งยกเลิกกลางทาง ปัจจัยหลักพวกผมคือ ต้องการช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บได้ทันท่วงที รถผมก็ใช้น้ำมันนะครับ พวกผมจะมาขับขี่เล่นให้เปลืองน้ำมันกันทำไม บางครั้งมีเหตุผู้ป่วยอยู่ในเขตรอยต่อของพื้นที่นั้นๆ ซึ่งอาสาในพื้นที่ อาจจะอยู่ไกลกว่า เราอยู่ใกล้ก็อาจจะเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นให้ก่อนได้ ก็อยากจะวอนขอว่า ให้หยุดเถอะครับ การกระทำแบบนี้ มันทำให้ผู้ที่เดือดร้อนจริงจะได้รับการช่วยเหลือที่ล่าช้า หรืออาจจะไม้ได้รับการช่วยเหลือเลยก็เป็นได้ ส่วนเรื่องของการใช้เส้นทาง อยากจะขอให้คนที่เห็นมีรถกู้ภัยเปิดไฟ เปิดเสียงมา ช่วยหลยหลีกเส้นทางให้ด้วย เพราะทุกชีวิตมีค่า ถึงแม้ว่า ผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยเหล่านั้นจะไม่ใช่ญาติพวกผม แต่พวกผมก็ต้องการที่จะไปช่วยเหลือพวกเค้าให้ทันท่วงที และอยากเตือนผู้ที่ชอบขับรถตามหลังรถกู้ภัย ควรที่จะเว้นระยะทาง ไม่ใช่มาจี้ท้าย อาจจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้นได้ แล้วถ้ามีเหตุในซอย ยิ่งในซอยแคบด้วยแล้วก็จะยิ่งโดนว่ากัน เรื่องเปิดไฟ เปิดเสียงอีก ‘ในซอยจะเปิดไฟเปิดเสียงกันทำไม’ คือจะบอกว่า ถ้าเข้าในซอยแล้ว จะปิดเสียง จะเปิดแต่ไฟวาบ วาบ แค่นั้น แต่คนใช้เส้นทางในซอยต้องให้ความร่วมมือในการหลบหลีกด้วยเช่นกันนะครับ ส่วนเหตุที่จะแจ้งเท็จกันเข้ามา ก็จะเป็น มีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส คนไข้หมดสติ หายใจเองไม่ได้ ไอ้ข้อความแจ้งเข้ามาแบบนี้ มันทำให้พวกผมต้องใช้ความเร็วในการไปที่เกิดเหตุให้ไวที่สุด นั่นแหละครับ ไหนจะต้องใช้ความเร็ว ไหนจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย อย่าเลยครับ ขอร้องเถอะครับ อย่าทำร้ายพวกผมแบบนี้อีกเลยครับ”
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.