ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวตรวจสอบ

ส.ส.วัน-หมอปลา-ทนายไพศาล บุกวัดย่านบางบอนหลังชาวบ้านร้องโดนไล่ที่ พบชื่อหลังโฉนดเป็นของคนตาย ยังไม่โอนเป็นธรณีสงฆ์

ส.ส.วัน-หมอปลา-ทนายไพศาล บุกวัดย่านบางบอนหลังชาวบ้านร้องโดนไล่ที่ พบชื่อหลังโฉนดเป็นของคนตาย ยังไม่โอนเป็นธรณีสงฆ์

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564

ที่วัดแก้วไพรฑูรย์บางบอน ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา มือปราบสัมภเวสี และนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.เขตบางบอน พรรคเพื่อไทย นำชาวบ้านในซอยนายเหรียญ เข้าพบเจ้าอาวาสวัดแก้วไพรฑูรย์ เพื่อขอความเป็นธรรม หลังชาวบ้านมาร้องเรียนว่าถูกวัดขับไล่ออกจากพื้นที่

นางตุ๊กตา (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านในพื้นที่พิพาทวัย 56 ปี กล่าวว่า ที่ดินผืนดังกล่าวมีขนาดกว่า 3 ไร่ มีบ้านพัก 11 หลังคาเรือน มีผู้พักอาศัยกว่า 50 คน ซึ่งที่ดังกล่าวเคยเป็นของนายประยงค์ กัลายาไสย เจ้าของที่ตัวจริง ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2543 ต่อมา นางประภา กัลยาไสย ภรรยานายประยงค์ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกมาเสียชีวิตปี 2550 แต่วัดอ้างว่านางประภา มอบพินัยกรรมที่ดินให้แก่วัดแก้วไพฑูลย์ ในปี 2551 จึงเชิญหมอปลามาปราบผี เพราะวิญญาณป้าเฮี้ยนมาก ตายแล้วมามอบที่ดินได้ไง พอมาร้องเรียนกับเจ้าอาวาสก็โดนไล่ กระทั่งทนายความของวัดให้ชาวบ้านทำหนังสือสัญญาเพื่อไปไกล่เกลี่ยชั้นศาลแล้วเปลี่ยนชื่อหลังโฉนดให้เป็นของวัดเพื่อให้ชาวบ้านอยู่ แต่กลายเป็นว่า ต้องเสียค่าแป๊ะเจี้ยะ ตารางวาละ 1 บาท ถ้าต้องการเสาไฟก็ราคาต้นละ 2 แสนบาท ซึ่งเรื่องผ่านมา 2 ปี ก็ยังเป็นชื่อของนางประภา

ทนายไพศาล กล่าวว่า พวกตนมาขอความสันติ ไม่ได้สร้างความขัดแย้ง อยากให้วัดอยู่ร่วมกับชาวบ้านได้ แต่หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้รื้อถอน 29 พ.ย.นี้ ก็สงสัยว่าวัดต้องการที่ดินไปทำอะไร เพราะที่แห่งนี้ห่างจากวัดนับ 10 กิโลเมตร โดยที่วัด ไม่ได้ขยายหรือทำกิจการใดๆ จึงอยากขอความเห็นใจจากพระ เพราะที่นั้นมีทั้งคนแก่เด็กคนพิการ ไม่มีที่ไป และสัญญาอีกแค่ปีเศษเท่านั้น แต่พอได้คุยกับบุคคลอ้างเป็นไวยาวจกรณ์ของวัด อ้างว่า จะเอาที่ดังกล่าวไปทำที่ว่างเปล่าให้มีผู้เช่ารายใหม่ พอตนถามไปว่าเป็นผู้เช่ารายเดิมได้ไหม ฝั่งเจ้าอาวาสก็ขอประชุมกันก่อน ซึ่งตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ กำหนดให้เจ้าอาวาสเป็นผู้ปกครองวัด ส่วนไวยาวจกรณ์ คอยบริหารจัดการทรัพย์สินวัด หากไม่มีข้อสรุปตนจะขอให้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) มาตรวจสอบ เพราะสงสัยว่าการฟ้องขับไล่นั้นต้องการเอาที่ไปทำอะไร และชื่อหลังโฉนดที่ดินยังเป็นชื่อผู้จัดการมรดกคนเดิมที่ชาวบ้านเล่ากันมาว่าเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2550 แต่วัดได้โฉนดมาปี 2551 และที่ดินก็ยังไม่ใช่ธรณีสงฆ์ จึงต้องเชิญหมอปลามาด้วยเพราะไม่รู้ว่าผีตนไหนเอามาให้

“ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านบอกว่า มีคนอ้างว่ามีตำแหน่งในวัด มาขู่ให้ออกจากพื้นที่ ไม่งั้นจะเอารถแบ็คโฮไปขุด และผมได้สอบถามกับสำนักพุทธศาสนาเพื่อถามถึงเรื่องนี้ว่าเจ้าอาวาสแจ้งว่าอย่างไร ก็อ้างว่า วัดกู พวกมันไม่จ่ายค่าที่ ปากดีนักให้ออกไป” ทนายไพศาล กล่าว

หมอปลา กล่าวว่า พอเข้ามาวัดนี้ก็รู้ว่าเขาเลี้ยงผี แต่ไม่เลี้ยงคนมีชีวิต หมายความว่าวัดไล่คนเป็นออกจากที่พิพาทจุดนี้ ทั้งทีผืนดินแปลงนั้นไม่ใช่สมบัติของวัด แต่ชาวบ้านที่อยู่มาดั้งเดิมไม่ใช่คนหรือ สร้างศาลให้ผีเพื่ออะไร ก็หลอกลวงคนมากราบไหว้ศาลผี ให้สัมภเวสีหาเงินทอง ถ้าชาวบ้านยังอยู่ก็ใส่บาตรให้ได้ ถ้าคนเหล่านี้ไม่เดือดร้อนก็ไม่มาเช่าที่ตรงนี้อยู่หรอก อาจจะไปนานแล้ว ตนพยายามพูดคุยกับเจ้าอาวาสแล้วท่านก็ไม่ยอมคุย

ขณะที่นายวัน บอกว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของตน จึงเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งหลังจากที่ได้เจรจากับไวยาวจกรณ์ของวัด ก็ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า วัดจะยืดเวลาให้ชาวบ้านได้อยู่ต่ออีก 2 ปี แต่ที่ดินยังคงเป็นของวัด โดยพรุ่งนี้ก็จะส่งทีมงานเข้ามาตรวจสอบว่าการหารือนี้เป็นไปตามข้อตกลงหรือไม่ หากมีข้อสรุปจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.