ข่าวพาดหัวตรวจสอบทุกข์ชาวบ้านร้องเรียน

สิงห์บุรี – คืบหน้า “เจ๊โหด” ทุบตีลูกจ้างน่วมทั้งตัว-อวัยวะเพศเป็นแผลเน่า บังคับกินฉี่-หมา

สิงห์บุรี 071264 คืบหน้า “เจ๊โหด” ทุบตีลูกจ้างน่วมทั้งตัว-อวัยวะเพศเป็นแผลเน่า บังคับกินฉี่-หมา

วันที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่ สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พ.ต.ท.วัชรพงษ์ สิทธิรุ่งโรจน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.อินทร์บุรี รับแจ้งความจาก นายฐปนวัชร์ เล้าสุวรรณ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 1 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ว่า นายจีรวัฒน์ เล้าสุวรรณ์ หรือ นายฟ้า อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของตนเอง ถูก นางนัยน์ปพร หรือ “เจ๊กั้ง” อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/10 หมู่ 1 ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี กับพวกรุมทำร้ายร่างกายเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ร้านค้าใน ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 จึงได้สอบปากคำเบื้องต้น และได้ส่งตัว นายฟ้า ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอินทร์บุรี

ขณะที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) , พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 , พล.ต.ต.วีรวิชญ์ บัวประเสริฐยิ่ง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี และ พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส ผกก.สภ.อินทร์บุรี ร่วมกันแถลงข่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายฟ้า ผู้เสียหาย ได้ไปทำงานเป็นลูกจ้างที่ร้านค้าเกี่ยวกับการเกษตร ซึ่งนายจ้าง คือ “เจ๊กั้ง” นาน 10 กว่าปี ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้น ปวช.ปีที่ 1 ซึ่ง เจ๊กั้ง เคยเป็นภรรยาของ นายฐปนวัชร์ พี่ชายของตนมาก่อน ต่อมาทั้งคู่ได้เลิกรากันไป แต่ นายฟ้า ยังอยู่ช่วยทำงานกับ เจ๊กั้ง ซึ่งมีหน้าที่ให้ช่วยงานทำความสะอาด ช่วยเลี้ยงสุนัข แต่พักหลังถูก เจ๊กั้ง กับ นายอ้วน ลูกจ้างอีกคน ร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยใช้ไม้เบสบอล ท่อพีวีซี สาก ทุบตีตามตัว รวมถึงอวัยวะเพศ จนเป็นแผลเน่า ติดเชื้อ และไม่ยอมพาไปหาหมอ หนักสุดถึงขั้นให้กินขี้นก กินฉี่ และอึสุนัข

ด้าน นายชัยวัธน์ ศรมณี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า “ได้ไปตรวจสอบแล้ว เจ๊กั้ง ได้บอกว่าดูแล นายฟ้า เหมือนคนในครอบครัว เหมือนแม่ดูแลลูก ส่งเสียให้เรียนหนังสือตั้งแต่อายุประมาณ 15 ปี และให้ช่วยเหลืองานที่บ้าน แต่ไม่ได้ให้เงินเดือนกับ นายฟ้า ถ้า นายฟ้า จะใช้เงินก็สามารถหยิบไปใช้ได้เลย แต่นายฟ้า ชอบโกหก และขโมยเงินบ่อย จึงทำโทษด้วยการใช้ ท่อพีวีซี ตีที่ปาก ส่วนแผลตามร่างกายอื่นๆ คาดว่าน่าจะมาจากที่ นายฟ้า ขี่รถล้ม ส่วนเรื่องที่ใช้ท่อพีวีซีตีอวัยวะเพศ เนื่องจากเวลา นายฟ้า มาอยู่ใกล้ เจ๊กั้ง แล้วมีอาการอวัยวะเพศแข็งตัว จึงหยิบท่อพีวีซีตีเข้าไปที่อวัยวะเพศของ นายฟ้า เพื่อให้เข็ดหลาบ” ส่วนเรื่องการใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมาย ยังไม่ชัดเจนในเรื่องของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งจะรวบรวมพยานและหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป” นายชัยวัธน์ กล่าว

ขณะที่ นายฐปนวัชร์ พี่ชายของนายฟ้า บอกว่า “พยายามขอตัวน้องชายให้ออกมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เนื่องจากเห็นความผิดปกติทางร่างกายของน้องชาย แต่ เจ๊กั้ง ไม่ยอมให้ไปและพยายามเกลี้ยกล่อมให้ นายฟ้า บอกตนว่าไม่อยากกลับบ้านและอยากอยู่ต่อเพื่อดูแลแม่ของ เจ๊กั้ง โดยนายฟ้า ไม่เคยบอกกับตนว่าถูกทำร้าย โดยจะบอกตนว่าแผลที่เกิดขึ้นเกิดจากรถล้ม จนต่อมาไม่นาน นายฟ้า ทนไม่ไหวได้แอบบอกตนว่าได้ถูกทำร้ายจริง โดยถูกตีตามร่างกาย ใช้ไม้เบสบอลบ้าง ท่อพีวีซีบ้าง สากบ้าง หรือบางทีก็โดนไฟแช็คลนที่หน้าท้อง เวลาเก็บกวาดขี้นกไม่หมด ก็จะถือไม้เบสบอลขู่บังคับให้กินขี้นก โดยจับกรอกปาก บอกว่า “หมากินได้มึงก็ต้องกินได้” และถ้าเก็บฉี่ หรืออึสุนัขไม่หมด ก็จะบังคับให้กินฉี่และอึหมา ที่โดนตีบ่อยที่สุดจะเป็นที่หัว ที่หน้า กับอวัยวะเพศ จึงวางแผนพาน้องชายหนีออกมาตอนกลางคืนจนได้ และเมื่อวันนี้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมา แพทย์แจ้งว่า ร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก ตาข้างขวาบวมจนเน่าข้างใน กระดูกซี่โครงหักประมาณ 3 ซี่ ข้อมือ-ข้อนิ้วหัก มีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง ซึ่งตนจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะคิดว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ออกหมายจับ เจ๊กั้ง และนายอ้วน ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส และได้เชิญตัวมาสอบสวน โดย “เจ๊กั้ง” ได้เล่าว่า “รับ นายฟ้า มาอยู่ที่บ้านส่งเสียให้เรียนตั้งแต่อายุ 15 ปี เลี้ยงดูและรักเหมือนลูกหลาน ยอมรับว่ามีตีบ้างตามประสา เพราะนายฟ้าดื้อ ชอบโกหก และลักขโมยของในบ้าน โดยการตีจะใช้ท่อพีวีซี ไม่ใช่ไม้เบสบอลตามที่นายฟ้าบอก ส่วนการบังคับให้กินฉี่-อึสุนัข ไม่เป็นความจริงเพียงแค่พูดขู่ นายฟ้า เท่านั้น โดยจะขู่เวลาที่ นายฟ้า เช็ดฉี่และอึสุนัขไม่สะอาด ส่วนเหตุผลที่ต้องตีอวัยวะเพศ เพราะพักหลัง นายฟ้า มีพฤติกรรมลักษณะที่ส่อไปในทางชู้สาวกับตน ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม จึงต้องอบรมสั่งสอนแต่ยืนยันว่าไม่ได้ตีแรงจนแผลเป็นหนอง” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมหลักฐานพร้อมพยานเพื่อจะได้ดำเนินคดีต่อไป

จินตนา ปานมี ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สิงห์บุรี