จังหวัดร้อยเอ็ดจัดพิธีมอบเงินพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แก่สถานศึกษาที่ปรับเป็นโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่กักตัวหรือศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด19
วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมเบญจเสมา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีมอบเงินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี ดร.สุเทพ ปาลสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ดเขต 3 , ผู้บริหารสถานศึกษา และข้าราชการบุคลากรทางการศึกษา ร่วมในพิธีฯ
โอกาสนี้ นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมในพิธีว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีความห่วงใย ในความทุกข์ยากลำบากของพสกนิกรของพระองค์ ที่เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID -19) ได้รับความเดือดร้อนกันไปทั่วทุกสาขาอาชีพ จึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณมอบเงินส่วนพระองค์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 เพื่อให้ความช่วยเหลือสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการปรับสถานศึกษาเป็นโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่กักตัวหรือศูนย์พักคอยให้แก่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งสถานศึกษาแต่ละแห่งมีภาระค่าใช้จ่ายในการที่จะต้องชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายซ่อมแซม และปรับปรุงอาคารให้คืนสู่สภาพเดิม เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน ด้วยพระเมตตาของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกร ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดี มีคุณภาพ ได้รับการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จึงขอให้โรงเรียนที่ได้รับเงินพระราชทานฯ ดังกล่าวได้นำไปใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่าน และให้ยึดตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ โรงเรียน และชุมชนต่อไป
ทั้งนี้ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 ที่ได้รับการจัดสรรเงินพระราชทาน มีจำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านกุดแห่ จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม ได้รับจัดสรรเงิน 48,400 บาท , โรงเรียนบ้านหนองบัว จัดตั้งเป็นสถานที่กักตัว ได้รับจัดสรรเงิน 23,100 บาท และโรงเรียนบ้านโนนคำน้ำจั้นใหญ่ จัดตั้งเป็นสถานที่พักคอย ได้รับจัดสรรเงิน 48,100 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 98,530 บาท