ข้าราชการไทยข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวช่วยชาวบ้านตรวจสอบทุกข์ชาวบ้าน

กรุงเทพฯ-รวบเดนคุกจับพนักงานโรงพยาบาลปิดตามัดมือชิงเก๋ง มือถือ เงินสด 1 พันหลบหนี (มีภาพวงจรปิด)

รวบเดนคุกจับพนักงานโรงพยาบาลปิดตามัดมือชิงเก๋ง มือถือ เงินสด 1 พันหลบหนี (มีภาพวงจรปิด)

วันที่ 24 พฤษภาคม 2565
เวลา 13.00 น.

พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะและตำรวจ บก.น.8 เข้าสอบปากคำ นายธีระพันธ์ ปิยะนิรามัย หรือ ต้อม อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาชิงทรัพย์หลังถูกจับกุมตัวได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านพระประแดง เมื่อคืนที่ผ่านมาเบื้องต้นให้การยอมรับว่าลงมือก่อเหตุจริง แต่อ้างว่าเป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าผู้เสียหายเป็นแฟนของลูกหนี้ จึงต้องการนำตัวผู้เสียหายไปเพื่อให้เพื่อเจรจาเรื่องหนี้การพนันจำนวน 50,000 บาท ส่วนเครื่องพันธนาการทั้งเทปกาวและผ้าปิดตาอ้างว่าจะเอาไปใช้ในการขายทุเรียนจึงมีการนำติดตัวมาตลอดเวลา ซึ่งตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อคำใหัการ และอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพราะพฤติกรรมอุกอาจมียานพาหนะ รถตู้หรูและมีทรัพย์สินจำนวนมาก ว่ามีอะไรมีเหตุจูงใจในการก่อเหตุ

จากการตรวจสอบพบประวัติเคยถูกดำเนินคดีอาวุธปืนและยาเสพติดย่านพระประแดง เมื่อปี 2560 ก่อนพ้นโทษมาปี 2564 และมาก่อเหตุอีกในครั้งนี้ เบื้องต้นดำเนินคดีฐานความผิดจี้ชิงทรัพย์ ส่วนข้อหาอื่นๆตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งตัวไปตรวจสารเสพติดในร่างกายด้วย

ด้าน นางสาวนิด (นามสมมุติ) อายุ 25 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชน ผู้เสียหาย ยืนยันว่าไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาที่อ้างว่าเป็นการเข้าใจผิด เพราะจากพฤติกรรมคนร้ายบ่งบอกว่าต้องการชิงทรัพย์ ทำร้ายตนเองและบังคับขืนใจ โดยวันก่อเหตุพยายามพาตัวเองไปเป็นตัวประกัน ซึ่งตนเองรู้สึกกลัวและตกใจมาก คิดแค่ว่าจะต้องเอาตัวรอดทั้งที่ถูกมัดมือและปิดตาไว้ กระทั่งสบโอกาสจึงเปิดประตูรถและวิ่งหลบหนีไปขอความช่วยเหลือ ยอมรับว่าหลังเกิดยังรู้สึกผวาและเครียดทำให้ตนเองป่วย พร้อมกันนี้ฝากเตือนไปยังผู้หญิงและประชาชนทั่วไปให้ระมัดระวังดูแลตัวเองเวลาต้องไปไหนคนเดียว

ต่อมา นาย ธีระพันธ์ ปิยะนิรามัย หรือ ต้อม อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยไม่ยอมชี้แจงหรือให้รายละเอียดแต่อย่างใด หลังจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ

ส่วนทางด้านนาง สุภาภรณ์ ( ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 53 ปี แม่ของผู้ต้องหา อาชีพขับ จยย รับจ้างย่านสุขสวัสดิ์ บอกว่า ตนไม่ได้อยู่กับลูก เค้าย้ายไปอยู่กับเมียเค้านานแล้ว ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย มีเพื่อนโทรไปบอกว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เค้าก็ให้มา ตนก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร ไม่คิดว่าลูกตนจะเป็นคนก่อเหตุ คนเดียวจะไปก่อเหตุได้ยังไง ถ้ามีไปกับเพื่อนก็ไปอย่าง แต่นี้ตนก็ยังไม่ได้คุยกับลูกเลย ข่าวออกช่องไหน ออกว่ายังไง ตนยังไม่รู้เรื่องราวเลยถึงได้มา ตนคิดว่าลูกตนไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น น่าจะจับผิดคนหรือป่าว

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.